อำนาจของพระจันทร์

พลังของพระจันทร์จะแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ
ช่วงข้างขึ้น พระจันทร์เต็มดวง และช่วงพระจันทร์ดับ เริ่มรอบโคจรพระจันทร์ใหม่ เปรียบได้กับวงจรของชีวิต

ในแต่ละช่วงของพระจันทร์จะมีพลังจากดวงจันทร์ที่แตกต่างกันไป เช่นในช่วงต้นๆของข้างขึ้น 1 ค่ำ (New Moon) จะสอดคล้องกับพลังชีวิตที่ยังต้องการการฟูมฟักทนุถนอม เมล็ดพืชก็ต้องการพลังจากดิน ราว 2 วัน แล้วยอดอ่อนก็จะค่อยๆแทงหน่อจากพื้นดิน เพราะว่าโดยวัฏจักรของพระจันทร์ โลกและดวงอาทิตย์ นั้นทุกๆราว 5 วัน นับจากข้างขึ้น 1 ค่ำ พลังจะค่อยสะสมจนได้พลังในระดับหนึ่งจนเกิดการเปลี่ยนแปลง จนครบ 1 รอบของพระจันทร์ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมของการเปลี่ยนฤดูกาล

พระจันทร์นอกจากมีอิทธิพลต่อวงจรชีวิต การสะสมพลังของโลกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ยังมีผลกระทบกับอารมณ์ พลังจิต พลังน้ำ พินทุซึ่งก็คือพลังชีวิต พลังปราณและพลังกุณฑาดินีอีกด้วย

วิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เริ่มถือกำเนิด ในยามค่ำคืนล้วนอาศัยแสงจันทร์และดวงจันทร์ในการส่องทางและกำหนดทิศทาง จนกระทั่งบรรพชนมนุษย์ ได้พัฒนาอารยธรรมให้สอดคล้องกับพลังดึงดูดอันเร้นลับแห่งพระจันทร์ ที่มีอำนาจควบคุมน้ำทั้งหมดในโลก พระจันทร์ดูดซับแสงและพลังงานจากดวงดาวแห่งกาลจักรไว้ ก่อนส่องแสงแผ่พลังงานอันอ่อนโยน แต่เข้มข้นมาสู่โลก วงโคจรของดวงจันทร์ในแต่ละช่วงจึงมีพลังงานแรงแตกต่างกันไป คุณาจารย์แต่โบราณจึงอาศัยอำนาจนี้เพื่อพิธีบูชา ล้างอาถรรพ์ เสริมดวงชะตา สะเดาะเคราะห์ ปลุกเสกเครื่องรางเลขยันต์ พันคาถาในคืนที่ดวงจันทร์มีอำนาจสูงสุด

– พระจันทร์ข้างขึ้นตั้งแต่ 1-14 ค่ำ เป็นช่วงบริสุทธิ์ จิตสดใส มีแสงสว่าง เหมาะกับงานที่เริ่มต้น ต้องการความเจริญ สอดคล้องกับ จิตปกติของปุถุชนที่เราใช้จิตนี้ในการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน สติปัญญาใช้ทางโลกียะ

– พระจันทร์เพ็ญเต็มดวง ” ปุรณมี ” มีการประกอบพิธีมากมาย เป็นวันสำคัญ โดยเฉพาะจันทร์เพ็ญที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนฤดูกาล ถือว่ามีพลังและเป็นวันสำคัญของหลายอารยธรรม เปรียบกับ จิตที่มีปัญญาสว่างไสวที่พัฒนามาจากสติปัญญาแบบทางโลก

– พระจันทร์มืด เริ่มตั้งแต่ แรม 1-15 ค่ำ ซึ่งวันแรม 15 ค่ำ ” อมาวสี ” คือวันที่พระจันทร์มืดที่สุด เรียกว่า Dark Moon จันทร์ดับหรือจันทร์มืด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีพลังและลึกลับที่สุด แทนจิตระดับละเอียด พลังจิต ปัญญาญาณ แรงบันดาลใจ การทำสมาธิ ด้านมืดของมนุษย์ที่ซุกซ่อนเอาไว้

 

ในวันปุรณมี และ อมาวสี เป็นวันที่พระจันทร์มีพลังอำนาจสูงสุดต่อมวลน้ำ มวลพลังงาน และจิตวิญญานทั้งหมดบนโลก พลังงานทั้งหลายจะแผ่สร้าน ยึดโยง เกาะเกี่ยวดึงดูดกัน การส่งพลังงานใดใดออกไปด้วยความเข้มข้นก็จะเกิดพลังการเหนี่ยวนำยึดโยงเข้ามาอย่างรุนแรง ดังนั้นมวลแห่งพลังงาน มวลแห่งพลังจิต มวลพลังความคิด ใดใดในช่วงเวลานี้ ก็จะรุนแรงทวีขึ้นตามอำนาจแห่งดวงจันทร์

เนิ่นนานนับพัน นับหมื่นปี ที่คืนปุรณมี และอมาวสี ถูกกำหนดให้เป็นคืนอาถรรพ์แห่งพลังงานของทุกศาสตร์แห่งไสยเวทย์ วันสำคัญของศาสนา และลักธิต่างๆ ยึดเอา Full Moon – New Moon เป็นฤกษ์กาลวันสำคัญ พิธีกรรมใดใดที่กระทำในช่วงแห่งจันทร์เพ็ญ และจันทร์ดับ อำนาจจะทวี แรง ลึกถึงจิต ถึงวิญญาณ ถึงทุกอณูพลังงานในกาลจักร

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *