เมื่อทรงสิริพระลักษณ์ สง่าราศีกายย่อมปรากฎ เป็นที่รักใคร่เอ็นดู ทรงองค์เป็นทรัพย์เป็นมหาสมบัติ เมื่อไปค้าไปขายย่อมดึงดูดให้ได้ลาภผลสมบัติมาก เจรจาสิ่งใดๆ ใครๆก็เมตตาอยากเกื้อกูลอุดหนุน

เรื่องการอธิษฐานเป็นภาพนี่ เป็นความเร้นลับของตาที่สาม หรือ “จุดตาทิพย์” ที่นักวิทย์ฝรั่งเขาเพิ่งกล่าวถึง Neuroscience กันเมื่อไม่นานมานี้ แต่ไสยเวทย์โบราณ และภูมิธรรมทางด้านจิตวิญญานสอนเรื่องนี้มานับพันปีแล้ว…ว่าบนหน้าผากกึ่งกลางระหว่างคิ้ว คือสามเหลี่ยมศักดิ์สิทธิ์ประตูมิติทางผ่านของจิตวิญญาน เรียกว่าตาที่สาม หรือต่อมไพนีลเป็นจุดเชื่อมต่อกับอาณาจักรแห่งความคิดเป็นที่สถิตของจิตวิญญาณ เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกกายภาพและโลกแห่งวิญญาณ เมื่อสามเหลี่ยมศักดิ์สิทธิ์ถูกปลุกให้ตื่น มันคือการเริ่มต้นของพลังอันเหนือธรรมชาติของมนุษย์ ทำให้การมองเห็นเหนือกว่าคนทั่วไป

การสื่อสารทางจิตไม่มีคำพูด มีเพียงภาพที่คิด คิดแล้วปรากฎ การปลุกเสก เพ่งกสิณ ใดใดจึงต้องคิดภาพให้แจ่มชัด มีความละเอียด มีมิติ ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง ร้อนเย็นแข็งอ่อน เห็นรูปชัดหยิบจับสำผัสรู้สึกได้ ในนิมิต สิ่งนั้นจะปรากฎ ยิ่งเห็นซ้ำ ปลุกย้ำๆเสกซ้ำๆ ปลุกรูป เรียกนาม สร้างมโนมยิทธิ สิ่งนั้นต้องปรากฎ!!!

การสร้างพระพุทธประติมา วิถีครูช่างโบราณจะบำเพ็ญภาวนาจนได้นิมิต เกิดภาพพระพุทธรูปงดงามแล้วจึงนำมาเนรมิตรปั้น แกะ เสลาสลัก พระพุทธประติมาขึ้น ได้ปรากฎอยู่ในปกรณัมการสร้างพระพุทธรูปองค์สำคัญของไทยหลายองค์ บันทึกว่า..พระอินทร์หรือพระวิษณุกรรม แปลงร่างเป็นชีปะขาว ภาวนาให้บังเกิดนิมิตก่อน จึงค่อยเริ่มแกะสลักพระพุทธรูปอันวิจิตรพิศดารเหนือโลก

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยจิต” จิตไม่มีปากจึงต้องคิดเป็นภาพ คนในโลกทิพย์ในมิติสูงสื่อสารกันทางจิต คิดปุ๊บถึงปั๊บ คิดอยากได้อะไร อยากกินอะไรสิ่งนั้นปรากฎทันที นี่คือมหัศจรรย์แห่งจิตที่สร้างทุกอย่างได้ด้วยพลังจิต คนในภพโลก ยังต้องอาศัยกายหยาบ หากรู้วิธีการฝึกจิตให้มีความเข้มข้น นึกคิดสิ่งใดเป็นภาพที่ต้องการ ดุจการสร้างหนังที่เราเป็นตัวเอก คิดย้ำๆ ดูซ้ำๆบ่อยๆ ให้มันฝังเข้าไปในจิตไร้สำนึก จิตที่กำลังอ่อน เมื่อใช้สื่อแห่งเครื่องรางวัตถุมงคลที่มีฤทธิ์ทางจิตแห่งครูบาอาจารยที่ประสิทธิ์ไว้ เมื่อจดจ่อ ตั้งจิตตั้งใจปฏิบัติบูชา จึงสำเร็จเร็ว สมปรารถนาได้ทันตาทันใจ มันง่ายๆเท่านี้เอง