

เสาร์ห้า วันมหาอำนาจแห่งสุริยเทพ : คือวันเสาร์ที่ตรงกับข้างขึ้น – ข้างแรม 5 ค่ำ เดือนห้า ตามปฏิทินจันทรคติ ถือเป็นวันแรง วันแข็งที่สุดทางไสยศาสตร์พระเวทย์คาถา พระอาทิตย์พระจันทร์ ได้ตำแหน่งมหาอุจจ์พร้อมกัน ณ. จุดสูงสุดใกล้โลก คือมหาฤกษ์สำคัญในการสร้างเสกปลุกพระเวทย์คาถา
เสาร์ห้าต้องตามตำรา ที่ให้คุณแรงและยิ่งใหญ่ที่สุดคือ วันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนห้า ซึ่งปี 2563 นี้ เกิดขึ้นเพียงวันเดียว คือ วันเสาร์ ที่ 28 มีนาคม 2563 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีชวด วันเสาร์ ๕ สมบูรณ์เต็มสูตรตามตำรานั้น จะต้องเป็นวันเสาร์ ๕ ขึ้น หรือ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ( ตามจันทรคติ ) เสาร์ห้ามหาฤกษ์นี้ เป็นเสาร์ห้าแท้ ที่โอกาสเวียนมาบรรจบครบกำลังอันสมบูรณ์ได้นั้นยากและแต่ละรอบแห่งเสาร์ก็ยาวนาน หากปีใดเกิดเสาร์ห้าแท้ขึ้น คุรุครูบาอาจารย์จะต้องปลุกเสกสร้างเครื่องรางวัตถุมงคลวัตถุธาตุกายสิทธิ์ ปีนี้ดาวอังคารจรได้ตำแหน่งอุจจ์ร่วมเรือนกับดาวเสาร์ในราศีมกรเรือนกรรมะโลก ซึ่งเสาร์จะมีอำนาจมากได้ตำแหน่งเกษตรเพราะสถิตย์ในเรือนตัวเอง นับว่าทั้งดาวอังคารและดาวเสาร์ต่างก็เข้มแข็งในเรือนที่ดีพร้อมจะให้คุณอย่างเต็มที่ด้วยอำนาจแห่งเสาร์ มหาฤกษ์นี้หากมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล จะบังเกิดอิทธิคุณด้านมหาอำนาจ มหาอุจจ์ เหนือกว่าฤกษ์ปรกติ
ดาวเสาร์ เป็นดาวแห่งความเข้มแข็ง อดทน มีพลังมาก เป็นดาวบาปพระเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจบารมีมาก ให้อิทธิพลร้อนแรงแข็งกล้า โหราจะเลือกฤกษ์วันอังคารกับวันเสาร์ในการต่อสู้ชิงชัย ขจัดอุปสรรคปัญหาศัตรูทุกชนิด เป็นฤกษ์มหาชนะ มหาสำเร็จ และใช้ปลุกเสกเครื่องรางของขลังคงพระพันชาตรี เพิ่มพลังบารมีคุ้มครองแคล้วคลาดมหาอำนาจทั้งหลาย เสาร์ ตามตำราว่าต้องแกร่ง ต้องสู้ ต้องอดทน มีพลังอำนาจมาก เดือน 5 ไทยก็เป็นเดือนที่ร้อนที่สุด พระอาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ ต้นธาตุไฟ อังคาร เสาร์ ก็ธาตุไฟ จึงเป็นการรวมธาตุไฟ ความร้อน ความแรง กล้าแกร่ง ดุดัน คงกระพันมั่นคงเป็นที่สุด จึงถูกกำหนดเป็นฤกษ์แห่งความกล้าแกร่ง คิดการใหญ่ ไม่หวาดหวั่นกับอุปสรรคภยันตรายใดๆ มีฤทธิ์เดชอำนาจที่เอาชนะได้ทุกสถานการณ์ ปีใดเวียนมาตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 5 เดือน 5 ยิ่งนับว่าแกร่งมาก ดังที่ว่าไว้ข้างต้นว่า เดือน 5 เป็นช่วงเดือนที่พระอาทิตย์แรงกล้าจะเป็นมหาอุจจ์ หมายถึง ชัยชนะ ความรุ่งโรจน์ เกียรติยศและการที่พระจันทร์เป็นข้างขึ้น 5 ค่ำในเดือน 5 นี้เป็นการเพิ่มพลังมงคลรับกับพระอาทิตย์ได้กำลังพอดีคือโยคหน้าพระอาทิตย์ในราศีพฤษภ จันทร์จึงเป็นมหาอุจจ์ให้คุณแรงทางเมตตามหานิยมและโชคโภคทรัพย์ ให้ความเจริญรุ่งเรือง การก้าวไปข้างหน้าโดยง่าย

ดาวเสาร์ ดาวครูกรรมผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ส่งบทเรียนแห่งอุปสรรค ความทุกข์ ความล่าช้า ความเข้มแข็งอดทน วิริยะอุตสาหะเป็นเลิศ ความรับผิดชอบ และความพยายามอันนำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ความอดทนแห่งเสาร์จะทำให้ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างได้ และประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ บทเรียนจากเสาร์จะทำให้เกิดสติ เกิดปัญญา มองโลกตามจริง เห็นจริง เห็นถูก อันนำไปสู่การเติบโตชองจิตวิญญาณ และความมั่งคั่งมั่นคงยาวนาน
โหราศาสตร์เปรียบดาวเสาร์คืออิทธิพลจากพ่อ ที่จะสอนให้เราทำทุกอย่างด้วยตนเอง ถึงแม้สิ่งนั้นจะยากลำบาก พ่อจะลงโทษเราในบางครั้งที่เราทำผิด แต่ถ้าเราผ่านบททดสอบไปได้แล้ว เราจะเป็นคนที่เก่งและเติบโตต่อไป พ่อจะบอกเราเสมอว่าชีวิตบนโลกใบนี้มันไม่ได้ง่ายเราหนีความรับผิดชอบไม่ได้ กฎแห่งกรรมคือกฎธรรมชาติ หนีไม่ได้ หนีไม่พ้น ต้องเข้าใจ และ รับผิดชอบทุกเงื่อนไขกรรม ทุกอย่างคือการเรียนรู้ บทเรียนจากความผิดพลาดคือสิ่งที่ทำให้เราจดจำ ไม่ทำอีก
ทำไมเสาร์ห้าต้องเกี่ยวข้องกับพิธีทางไสยศาสตร์ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง
– 1 –
ตามหลักดิถีมหาศูนย์ กำหนดไว้ว่า หากดิถีขึ้น-แรม ตรงกันกับเดือน เช่น ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 หรือแรม 3 ค่ำ เดือน 3 ดังนี้ จัดให้เป็น “กทิงวัน” ซึ่งเป็นวันแรง มีข้อห้ามหลายอย่าง จะไม่ใช้ประกอบพิธีมงคล แต่จะนิยมใช้ประกอปพิธีทางไสยศาสตร์ ปลุกเสกวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังสายฤทธิ์
– 3 –
เป็นวันที่ดวงอาทิตย์และพระจันทร์โคจรได้ตำแหน่ง “มหาอุจจ์” ด้วยกันทั้งคู่ กล่าวคือ ในเดือนห้า (ทางจันทรคติ) ดวงอาทิตย์จะโคจรเข้าสู่ราศีเมษ ในทางโหราศาสตร์ถือว่าได้ตำแหน่งมหาอุจจ์ หมายถึงโลกใกล้ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ใกล้กันที่สุด และนี่คือเหตุที่ทำให้ช่วงเดือนนี้จะมีอากาศร้อนที่สุด และในวันขึ้น 5 ค่ำ ( ทางจันทรคติ ) ดวงจันทร์จะโคจรผ่านดวงอาทิตย์จากราศีเมษ เคลื่อนตัวจนได้ครองตำแหน่งอมหาอุจจ์ ในราศีพฤษภ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่โลกและดวงจันทร์เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ใกล้กัน
– 2 –
วันเสาร์เป็นวันที่แรง เพราะเทวดาประจำพระเคราะห์นั้น พระอิศวรได้ให้กำเนิดจากเสือ 10 ตัว กำหนดให้เป็นวันที่แสดงพลานุภาพไปในทางดุร้ายน่าเกรงขาม และตามหลักมหาทักษา กำหนดวันเสาร์ให้เป็นวันที่ได้ ปูมราหูเป็น “เดช” จึงเป็นวันที่มีพลังในด้านอิทธิฤทธิ์ ดังนั้นอำนาจพลังจิต อำนาจทางไสยศาสตร์จึงโดดเด่น หากมีดิถีที่แรงมารวมกับวันเสาร์ด้วย ก็ยิ่งเสริมความแรงในดิถีนั้นๆ
– 4 –
เป็น “วันปิ่นอิศวร” คือวันที่อยู่ในช่วงดิถี 3 ค่ำ ถึงดิถี 5 ค่ำ เราจะมองเห็นพระจันทร์มีลักษณะเป็นรูปวงเล็บ มองดูคล้ายปิ่นที่เสียบอยู่บนเศียรพระอิศวร ทางภารตะนิยม ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่เหมาะกับการประกอบพิธีกรรมสำคัญในการบูชาเทพฯ และทำพิธีล้างอาถรรพ์ อีกทั้งยังเป็นวันที่พระอาทิตย์และพระจันทร์ทำมุมต่อกันในระยะ 45 องศา ในตำแหน่งสูงสุดใกล้โลกด้วยกันทั้งคู่ จึงสามารถส่งพลังงานและอิทธิพลมาสู่โลกได้มาก เราจะเห็นพระจันทร์ปิ่นพระอิศวรในวันขึ้น 5 ค่ำ คล้อยไปทางทิศตะวันตกในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ( น้ำในแม่น้ำลำคลองจะสูงขึ้น )
ปรากฎการณ์วันวสันตวิษุวัต หรือ วันเสาร์ห้า
ตรงกับปรากฏการณ์สำคัญในรอบปีที่เรียกว่า “วสันตวิษุวัต” (Vernal equinox) เพราะโลกโคจรเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เส้นศูนย์สูตรตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ ทำให้กลางวันเท่ากับกลางคืน เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ที่ซีกโลกด้านเหนือ ส่วนซีกโลกด้านใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ในทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของราศีเมษ เพราะดวงอาทิตย์เคลื่อนออกจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ปฏิทินมหาศักราชของอินเดียถือว่าเป็นวันปีใหม่ ภาษาสันสกฤตเรียกว่า “มหาสังกรานติ”
ขณะเดียวกันหลายประเทศที่กำเนิดจากอารยธรรมอารยันในเอเซียกลาง เช่น อัฟกานีสถาน อุซเบกีสถาน คาซักสถาน เติกร์มีนิสถาน และอิหร่าน ก็เป็นวันปีใหม่เรียกว่า “เนารูซ” ผู้ที่นับถือศาสนา “บาไฮ” ก็เป็นปีใหม่เช่นกัน

วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ขอบท้องฟ้าในตำแหน่งทิศตะวันออกแท้ ทำมุมกวาด ๙๐ องศา จากทิศเหนือภูมิศาสตร์ และตกที่ขอบฟ้าในตำแหน่งทิศตะวันตกแท้ ยังผลให้เงาของวัตถุที่ตั้งฉากกับพื้นดินจะเป็นเส้นตรงตั้งแต่เช้าจรดเย็นระหว่างทิศตะวันออกกับตะวันตก โบราณสถานที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของโลกถูกออกแบบและสร้างให้หันหน้าเข้าหาทิศตะวันออกแท้ เพื่อให้แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องตรงเข้ามายังจุดสำคัญของสถานที่นั้นๆ เช่น สฟิ๊งส์ มหาปิรามิดที่ประเทศอียิปส์ มาชูปิกชูที่ประเทศเปรู วิหารเซนต์ปีเตอร์ที่นครวาติกันประเทศอิตาลี นครวัดและนครธมที่ประเทศกัมพูชา และปราสาทภูเพ็กและปราสาทนารายณ์เจงเวงที่จังหวัดสกลนคร
หากย้อนเวลากลับไปที่อาณาจักรขอมในยุคก่อตั้ง จะเห็นภาพการประกอบพิธี “ราชาภิเษก” ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ บนยอดภูเขาพนมกุเลน โดยพราหมณ์เทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงบนศิวะลึงค์ เพื่อให้พระองค์ยกฐานะจากกษัตริย์ธรรมดาเป็น “เทวราชา” อย่างสมบูรณ์แบบมีอำนาจการปกครองบ้านเมืองชนิดสั่งเป็นสั่งตายได้ พิธีนี้จึงกลายเป็นราชประเพณีของกษัตริย์ขอมองค์ต่อๆมา จะเห็นได้ว่า วัน “วสันตวิษุวัต” เป็นมหาฤกษ์ มหาวัน แห่งสุริยเทพที่มีมนต์ขลังอำนาจอย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติมานับพันปี