วิธีปฏิบัติบูชา

ในวันฤกษ์พระอาจารย์จุดเทียนมหาสันติงหลวง

เทียนมหาสันติงหลวง เทียนมนต์ปริตรระงับเคราะห์ร้าย สลายเคราะห์กรรม พลิกฟื้นชะตา
กลับร้ายกลายเป็นดีได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอิทธิอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในกาลจักรฯ ท่านจงพึงสำรวมกาย ใจ จิต
และปฎิบัติตนตามมนต์พิธีอันศักดิ์สิทธิ์โดยเคร่งครัด ในสภาวะจิตที่สงบเงียบ ปล่อยวางทุกข์ใจและสรรพปัญหาให้สิ้น
ดำรงจิตให้ว่างจากทุกสรรพสิ่ง เพื่อให้กายจิตว่าง สว่าง สงบ เปิดรับพุทธอำนาจให้เข้ามาประสิทธิ์ได้อย่างเต็มกำลัง

ตลอดวัน ตลอดคืนแห่งฤกษ์บูชาเทียน ท่านพึงเจริญสติ สำรวม กาย วาจา จิต
ให้คิดดี พูดดี ทำในสิ่งดี ให้เป็นมงคลตลอดวัน – ตลอดคืน

มหาสันติงหลวง คือมหาสันติอันยิ่งใหญ่ คือความรักความเมตตาความสงบสุขอันสุดประมาณ ท่านพึงสร้างโลกภายในให้เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ขอให้สภาวะจิตจงมีแต่ความสงบสุข ดำรงจิตท่านไว้ให้เป็นคลื่นพลังงานอันสงบเงียบ ผูกจิตไว้กับอำนาจพุทธะแห่งพระยันต์เทียน เพื่อพุทธานุภาพแห่งเทียนบูชาจะประสิทธิ์เข้าสู่กาย จิตท่านได้โดยสมบูรณ์ ดำรงจิตดุจแก้วว่างๆใสๆ พร้อมรับฤทธิ์ รับพลังอันศักดิสิทธิ์ รับจิตตานุภาพ อันเป็นสภาวะฤกษ์แห่งจิตที่มีกำลังอำนาจมาก นึกคิดมุ่งมั่นปราถนาในสิ่งใดใด ท่านก็จะสำเร็จทุกสิ่งทุกปราการได้ดั่งปาฎิหาริย์

ท่านควรงดเบียนเบียนเนื้อสัตว์ เพราะเลือดเนื้อเนื้อสัตว์ทั้งหลายที่ถูกฆ่านั้น
เต็มไปด้วยพลังกรรมแห่งความกลัว ขนิดสุดขีด!! เกิดเป็นพลังงานกรรมฝังลึกอยู่ใน DNA
เมื่อเราทานเลือดเนื้อเขาเข้าไป แรงกรรมนั้นก็จะแทรกอยู่ในกายเนื้อของเรา
ฝังเข้าสู่ DNA ของเรา กายเนื้อและวิญญานธาตุเราจึงติดขัด จิตตก กังวล กลัว ฟุ้งซ่าน
( สิ่งที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย กลัวที่สุดก็คือ ” ความตาย ” พลังกรรมจากการกลัวตายจึงรุนแรงมาก
หากมีแรงโกรธอาฆาต ห่วงหาอาทรร่วมด้วยก็จะยิ่งเกิดแรงกรรมที่แรงมากยิ่งขึ้น )

ตลอดวันตลอดคืนแห่งฤกษ์บูชาเทียนมหาสันติงหลวง ท่านพึงรักษาศีล 5 ศีล
ที่มนุษย์ผู้ใดรักษาได้ก็ล้วนมีแต่ความสุขความเจริญ โดยเฉพาะศีลข้อ4 รักษาวาจา รักษาสัจจะ
อย่าพูดเพ้อเจ้อ พูดลบ พูดร้าย และห้ามด่าห้ามสาปแช่งกว่าว่าอาฆาตใครเด็ดขาด
ให้พูดแต่คำดีดี โชคดี ชีวิตดี แล้วทุกสิ่งจะดี ดี ดี

. . . . . . . . .

ในวันนี้หากใครมาทำให้ขุ่นใจ หม่นหมองหงุดหงิด ให้กำหนดจิตอโหสิกรรมให้อภัยเขาเร็วไวทันที
ให้บังเกิดเป็นมหาทานแห่ง ” อภัยทาน “ รักษาวันนี้ให้เป็นวันแห่งเมตตาจิตและมิตรไมตรี มีโอกาสทำบุญ
ทำสิ่งดีดีได้ในวันนี้ ให้ทำทันที เจริญสติ เจริญเมตตา ไว้ตลอดวัน ให้กายจิตดำรงอยู่ในกระแสพลังงานอันดีงาม
ขับเคลื่อนคลื่นพลังจิตให้ละเอียดและสูงขึ้นสู่มิติแห่งพลังงานศักดิ์สิทธิ์
เพื่อเปิดรับพุทธนุภาพอันสุดประมาณแห่งเทียนบูชาให้ประสิทธิ์ไว้กับจิตได้เต็มกำลัง

เวลาแห่งฤกษ์ที่พระอาจารย์กำหนดไว้ ให้ท่านสาธยายมนต์มหาสันติงหลวง
** ถ้าไม่สะดวกสวดตรงตามเวลา ให้ทำสมาธิ 10 นาที – 1 ชั่วโมง หรือมากน้อยกว่านี้ตามกำลังท่าน และแผ่เมตตาอุทิศบุญออกไปให้ไพศาล ก่อนนอนสาธยายมนต์มหาสันติงหลวง แผ่เมตตา สำสมาธิ แล้วตั้งจิตอธิษฐานในเป้าหมายที่ท่านปรารถนา

ท่านบูชาฤกษ์ให้พระอาจารย์ท่านจุดเทียนบูชา เสริมดวง สะเดาะเคราะห์
ค้ำชะตาให้ ท่านก็พึงต้องปฎิบัตสำรวมตนอย่างเต็มกำลัง ผูกจิตท่านไว้กับพุทธนานุภาพ
แห่งพุทธคุณและครูบาอาจารย์ ด้วยพลังแห่งความตั้งมั่นที่ดีชองจิต แรงครู
และพุทธฤทธิ์แห่งพระยันต์เทียนมหาสันติงหลวง จะสงบเคราะห์ร้าย สลายเคราะห์กรรม
พลิกฟื้นชะตา กลับชะตาร้ายกลายเป็นดีได้อย่างรวดเร็ว

พุทธานุภาพเต็มกำลังแห่งเทียนมหาสันติงหลวง คือชุดทวีฤกษ์
ท่านควรได้จุดเทียนด้วยตัวเองด้วย และบูชาฤกษ์ให้พระอาจารย์จุดเสริมดวงเสริมฤทธิ์ให้สม่ำเสมอ
ตั้งจิตจุดเทียนบูชาไว้สม่ำเสมอเถิด ชะตาชีวิตจะดีมาก พุทธอำนาจแห่งพระยันต์จะค้ำดวง
ยกชะตามิให้ตกต่ำ เติมพลังชีวิต เพิ่มกำลังจิต เสริมบุญบารมี ให้ประสิทธิ์ไว้กับตนเองตลอดเวลา
เมื่อเคราะห์หามยามร้ายเวียนเข้ามาก็จะเบาจนสูญ ลดกำลังเคราะห์ แคล้วคลาดจากวิบากกรรม
เมื่อบุญมี บารมีหนุน เคราะห์ดีเวียนมาถึง ก็จะยกดวงชะตาให้สูงส่ง ให้ดีเหนือดี

เทียนล้านนา เป็นความเชื่อความศรัทธาสืบต่อมาช้านาน มิใช่เพียงไสยศาสตร์
แต่เป็นพุทธานุคมแห่งพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์และอำนาจจิตที่ครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์
สืบสร้าง จารพระยันต์ ฟั่นเทียน ปลุกเสกให้ตามคัมภีร์โบราณด้วยฤทธิ์กำลังจิต และบารมีแห่งแรงครู
ผู้บูชาเทียนก็ต้องมีความเชื่อมั่นมีมหาศรัทธา ปฎิบัติบูชาอย่างเต็มกำลัง จิตท่านถึงไหน
พุทธานุภาพแห่งเทียนจะหนุนส่งท่านไปถึงนั่น. ” ทุกสรรพสิ่งสำเร็จได้ด้วยจิต

“ศรัทธา คือความเชื่อในสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น
แต่ผลของความเชื่อ จะทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่เราศรัทธา”

กดดูบทสวดพระคาถาอุปปาตะสันติ วิธีจุดบูชาเทียนมหาสันติงหลวง (จุดเอง 5 วัน )

“เทียนมหาสันติงหลวง”
เทียนมนต์ปริตรระงับเคราะห์ร้าย สลายเคราะห์กรรม
พลิกฟื้นชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี

พระอาจารย์กฤษฏา ขันติโก

ยันต์เทียนลูกนี้พระอาจารย์กฤษฎาปริวรรติผูกพระยันต์ขึ้นมาจากมนต์มหาสันติงหลวง
๒๗๑ พระคาถา คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อระงับเคราะห์ร้าย สลายเคราะห์กรรม ระงับภัยพิบัติและเจริญชัยชนะทั้งปวง

อัญเชิญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
ระบุนามของพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระเมตไตรย โลกุตตรธรรม๙
และพระปริยัติธรรม๑ พระสังฆรัตนะ
พระอรหันต์เถระ ๑๐๘ รูป พระเถรี ๑๓ รูป
พญาครุฑ พญานาค เปรตบางพวก อสูร เทวดา
พรหม ยักษา ปีศาจ วิชชาธร ผู้ทรงฤทธิ์ทรงอำนาจต่างๆ 
อัญเชิญมาคุ้มครองให้พ้นจากเหตุเภทภัยนานัปการ

พระคาถามหาสันติงหลวง หรืออุปปาตะสันตินี้
รจนาขึ้นในอาณาจักรล้านนาแต่โบราณ มีอานุภาพขจัดปัดเป่าเภทภัย
ด้านร้ายทั้งปวงให้กลับกลายเป็นดีได้ด้วยมหาพุทธานุภาพของพุทธมนต์ที่อ้างคุณของ
พระไตรรัตน์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย คุ้มครองปกปักรักษาให้มีแต่ความสงบสุข
ปราศจากสิ่งร้ายทุกทิศ ทุกทาง ทุกกาล

คัมภีร์มหาสันติงหลวง มนต์ขอความช่วยเหลือพระรัตนตรัยและผู้ทรงฤทธิ์

ทรงอิทธิพลในจักรวาลทั้ง ๑๓ ประเภท ให้บันดาลมหาสันติ สร้างโสตถิสวัสดี แคล้วคลาด ปลอดภัย และอาโรคยะ ไร้โรคามีสุขภาพสมบูรณ์ ให้เป็นเกราะคุ้มครองและกำจัดเหตุร้ายอันตรายเภทภัยต่างๆ อย่าให้เกิดมีในตน ในครอบครัว ในหมู่คณะ ในวงงานของตน และในวงงานของคนอื่นทั่วไป

มีอานิสงส์ให้ชนะเหตุร้ายทั้งปวง เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
ได้ประโยชน์ที่ตนต้องการคือ

  • ผู้ประสงค์ความปลอดภัยย่อมได้ความปลอดภัย
  • คนอยากสบายย่อมได้ความสุขตามปรารถนา
  • คนอยากมีอายุยืน ย่อมได้อายุยืน
  • คนอยากมีลูก ย่อมได้ลูกสมประสงค์
  • ปรารถนาสิ่งใด จักได้ในสิ่งนั้น

ผู้บูชาเทียนมหาสันติงหลวง และสวดสาธยายมนต์อุปปาตะสันติ
ย่อมไม่มีโรคลมเป็นต้นมาเบียดเบียน ไม่มีอกาละมรณะ คือตายก่อนอายุขัย
ทุนนิมิตรคือลางร้ายต่างๆมลายหายไป เมื่อเข้าสนามรบย่อมชนะข้าศึก
ทั้งปวงและแคล้วคลาดจากอาวุธทั้งปวง อุปัทวภัย อาเภทแห่งดาวทั้งหลาย จักพินาศไป

ฤทธิ์ แห่งการจุดเทียนมหาสันติงหลวง และสวดสาธยายพระคาถาอุปปาตะสันติเป็นประจำ
เคราะห์ร้ายทั้งปวงจะสิ้นสูญ ดับเคราะห์ สงบกรรมวิบากทั้งปวง ครอบครัว บุตรบริวาร
จะเจริญเป็นสุข อายุยืน ไร้โรคา กิจการจะรุ่งเรือง เกียรติ ยศ อำนาจ ชื่อเสียงจะขจรขจาย
ศัตรูหมู่มารคนคิดร้ายจะกลับกลายมาเป็นมิตร จะแคล้วคลาดจากเสนียด สิ่งอันอุบาทว์จัญไร เภทภัย
สิ่งร้ายทั้งปวง ราหูจะไม่เข้า พระเสาร์จะไม่แทรก คนธรรพ์มนต์ดำทั้งหลายย่อมพินาศไปสิ้น
ชะตาที่ตกจะยกสูง ชะตาที่สูงจะไม่ตกต่ำ อาเภทแห่งดาวจะไม่ส่งผลร้าย สิ่งร้ายจะพลิกผันกลับกลายเป็นดี
โชคดี มีชัยชนะทุกกาลทั้งยามหลับแลตื่น อันเป็นเครื่องประกาศคุณูปการอันล้ำเลิศ
และยิ่งใหญ่สุดประมาณแห่งมนต์มหาสันติงหลวง

เมื่อพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก

ประสบเคราะห์กรรม ชะตาพบวิบาก-วิบัติ วิกฤตรุนแรง ครูบาอาจารย์ท่านให้ตั้งสัจจะอธิษฐาน จุดเทียนมหาสันติงหลวง
สารยายมนต์อุปปาตะสันติ 15 วันติดต่อกัน เคราะห์ร้ายจะหาย กรรมวิบากจะสูญสลาย สิ่งอันเคยร้ายจะพลิกกลับมาเป็นดีได้อย่างอัศจรรย์ทันตา!!

พุทธธรรมและคุณค่าแห่งอักษรธรรมล้านนาที่ปรากฎในยันต์เทียน

เป็นเสมือนเพรชน้ำงามที่ซ่อนอยู่ภายในเล่มเทียนขี้ผึ้งศักดิ์สิทธิ์ มียันต์เทียนที่ประสิทธิพุทธาเวทย์แห่งครูบาอาจารย์ห่อหุ้มไว้
รอเวลา..ว่าใครจะนำไปใช้อย่างถูกต้องและบังเกิดผลตามสัจจะอธิษฐาน

กำหนดจิตจุดเทียนมหาสันติงหลวงไว้สม่ำเสมอ ชะตาชีวิตจะดีมาก
พุทธอำนาจแห่งเทียนบูชาจะค้ำดวง ยกชะตามิให้ตกต่ำ เติมพลังชีวิต เพิ่มกำลังจิต
เสริมฤทธิ์ เสริมบุญบารมี
ให้ประสิทธิ์ไว้กับตนเองตลอดเวลา
เมื่อเคราะห์หามยามร้ายเวียนเข้ามาก็จะเบาจนสูญ ลดกำลังเคราะห์

แคล้วคลาดจากวิบากกรรม เมื่อบุญมี บารมีหนุน เคราะห์ดีเวียนมาถึง
ก็จะยกดวงชะตาให้สูงส่ง ให้ดีเหนือดี

เทียนล้านนา เป็นความเชื่อความศรัทธาสืบต่อมาช้านาน
เป็นการเชิญอำนาจแห่งพุทธะมาประสิทธิ์ลงพระยันต์ เดินมนต์ด้วยพุทธานุคมแห่งอักขระเลขยันต์
และพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์ รวมอำนาจจิตแห่งครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ สืบสร้าง จารพระยันต์
ฟั่นเทียน ปลุกเสก ลงฤทธิ์ให้ตามคัมภีร์โบราณ ผู้บูชาเทียนก็ต้องมีความเชื่อมั่นมีมหาศรัทธา
ปฎิบัติบูชาอย่างเต็มกำลัง จิตท่านถึงไหน พุทธานุภาพแห่งเทียนจะหนุนส่งท่านไปถึงนั่น
” ทุกสรรพสิ่งสำเร็จได้ด้วยจิต “


“ศรัทธา คือความเชื่อในสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น
แต่ผลของความเชื่อ จะทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่เราศรัทธา”

เทียนมหาสันติงหลวงเป็น
เทียนขี้ผึ้งศักดิ์สิทธิ์พระยันต์ใหญ่

ไส้เทียน ๒๗๑ เส้น ตามจำนวน ๒๗๑ พระคาถา
ยันต์เทียนมหาสันติงหลวง ผูกพระยันต์ ลงดวงชะตาแห่งเจ้าชะตาเทียนแบบเฉพาะบุคคล ด้วยชื่อ สกุล วัน เดือน ปีเกิด แห่งเจ้าชะตาเทียน
เรียกสูตรผูกพระยันต์

ด้วยอำนาจมนต์ปริตร ๑๒ ตำนาน อิสิคิลิปริตร และ พระคาถามหาสันติงหลวงให้บังเกิดฤทธานุภาพระงับเหตุร้ายทั้งปวง สลายเคราะห์กรรม พลิกฟื้นชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี

แจ้งละเอียดส่วนบุคคล

1. แจ้งชื่อ นามสกุล
2. แจ้งวันเดือนปีเกิด
3. เวลาเกิด ถ้าทราบให้แจ้งด้วย ถ้าไม่ทราบไม่ต้องแจ้ง
4. รูปถ่ายหน้าตรง เห็นดวงตาชัดเจนไม่ใส่แว่นตา เต็มหน้า ( จะส่งให้หรือไม่ก็ได้ตามสะดวก พระอาจารย์ท่านจะวางภาพสวดส่งเคราะห์ เสริมพุทธมนต์ สืบชะตาให้ในทุกๆวาระฤกษ์จุดเทียนบูชา )

 

พลังจิต กำลังญาณหลังเจริญมนต์อุปปาตะสันติ จุดเทียนมหาสันติงหลวง
จะมีกำลังสูงมาก เจ้าชะตาจงอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาด้วยจิตอันสงบ 
..จักสัมฤทธิ์สำเร็จได้จริงตามสัจจะวาจา ด้วยฤทธิ์แห่งใจ..

ฤทธิ์แห่งใจ คือใจที่มีฤทธานุภาพเหนือธรรมดา นึกให้เป็นอย่างไรก็เป็นไปตามนึก
จะทำอะไรก็สำเร็จได้ง่าย เรื่องยากก็เป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าจิตไม่มีฤทธิ์ไม่มีพลังแล้ว
แม้เรื่องง่ายๆ ก็ยังไม่อาจสำเร็จได้ การจุดเทียนมหาสันติงหลวงคือการนำใจไปผูกไว้กับพุทธคุณ
และฤทธิ์อำนาจแห่งมนต์มหาสันติงหลวง อีกทั้งแรงครูที่ท่านประสิทธิ์ลงพระยันต์และเทียนบูชา
พุทธานุภาพแห่ง พุทธคุณ ธรรมคุณ คุณครูบาอาจารย์ จึงประสิทธิ์เข้าสู่กาย จิต เราอย่างเอนกอนันต์เต็มกำลัง
เมื่อคลื่นจิตของเราสั่นสะเทือนอยู่ในระดับเดียวกับคลื่นพลังงานศักดิ์สิทธิ์

ถ้าอยากมีฤทธิ์ ต้องเอาใจผูกไว้กับผู้มีฤทธิ์จึงจะมีฤทธิ์ กำหนดจิตให้คลื่นความถี่เป็นอารมณ์เดียวกับท่าน
ใจเราก็จะมีอานุภาพขึ้นเรื่อย ๆ นึกคิดสิ่งใดก็จะสมปรารถนาได้โดยง่าย คนส่วนใหญ่ไม่มีฤทธิ์แห่งใจ
เพราะใจไปผูกกับผู้ไม่มีฤทธิ์ ผูกไว้กับคน สัตว์ สิ่งของ ที่ยังมีกิเลสอยู่มาก

มหาสันติง คือสันติอันยิ่งใหญ่ เมื่อจุดเทียนสำเร็จแล้ว ท่านจงอุทิศบุญส่งเมตตาจิตอันสุดประมาณ
แผ่แสงสว่างออกไปให้ไพศาล ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกดวงจิต ทุกดวงวิญญาน ทุกสรรพสัตว์ ทุกมิตร ทุกศัตรู ทุกผู้ทุกนาม
แผ่เมตตากระจายแสงสว่างออกไปให้จิตนั้นบังเกิดมหาปิติอย่างสูงสุด อุทิศบุญออกไปกว้างไกลเท่าไหร่
บุญฤทธิ์ก็ยิ่งทวีขึ้นอย่างเอนกอนันต์ จิตก็ยิ่งสว่างไสวจนชนะได้ทุกความมืดมิด

 

การบริกรรมจะทำให้จิตเป็นหนึ่ง ยิ่งจิตเป็นหนึ่งมากเท่าไหร่
ก็จะเป็นสมาธิมากเท่านั้น ยิ่งเป็นสมาธิมาก
พลังจิตจะยิ่งเข้มข้นมีกำลังมากอย่างเอนกอนันต์

พระพุทธรักษา
พระธรรมคุ้มครอง
พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ค้ำคูณ

พระคาถาอุปปาตะสันติสวดเพื่อสงบเหตุร้าย
“กลับความร้ายให้กลายเป็นความดี”

อุปปาตะสันติ ทางเมืองเหนือเรียกว่า มหาสันติงหลวง
แปลว่า บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบสิ่งที่กระทบกระเทือน


คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล้านนาไทย แต่งโดยพระมหามังคละสีละ
วังสะ พระเถระนักปราชญ์ของชาวเชียงใหม่รูปหนึ่ง ในสมัยของพระเจ้าสิริธรรมจักกวัตติลกราชาธิราช
หรือพระเจ้าติโลกราช รัชกาลที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งครองราชสมบัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 1985 – 2030


เป็นพระคาถาล้วนจำนวน 271 คาถา จัดเข้าในหนังสือประเภทเชียงใหม่คันถะ
คัมภีร์นี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณกาล ทั้งพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้าน
พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติเพื่อ ” กลับความร้ายให้กลายเป็นความดี “


มีคำเล่าว่าสมัยที่ท่านแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ
มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ พระมหาเถระสีละวังสะ จึงให้พระสงฆ์สามเณร และประชาชน
พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในเมือง


ต่อมา..ชาวพม่ามีความเลื่อมใส นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชน
นับถือพระคัมภีร์อุปปาตะสันติว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก พากันนิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง
แพร่หลายไปทั่วประเทศพม่า ในสมัย 500 ปีที่ล่วงแล้ว ในงานพิธีสืบชะตา งานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น


อุปปาตะสันติคาถานั้นมีเนื้อความเป็นไปเพื่อยังความสงบอันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้น
เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งปวง เพื่อป้องกันอมนุษย์และยักษ์ทั้งหลาย


เป็นคาถาที่ทำให้พ้นจากความตายก่อนกำหนดเวลา เป็นคาถาที่เป็นเครื่องย่ำยีกำลังของข้าศึก
สามารถจำเริญชัยชนะแก่พระราชา และนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาทั้งปวงให้หมดไป


อุปปาตะสันติคาถาเป็นบทสวดอย่างพิสดาร ท่านจึงกล่าวพระนามของพระพุทธเจ้า พระธรรม
และพระอริยสงฆ์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งที่มีมาในอดีต ในปัจจุบัน และจักมีมาในอนาคต
รวมตลอดไปจนถึงท่านที่ทรงคุณ ทรงอำนาจ ทรงฤทธิ์ ในทางที่ดีอื่น ๆ เช่น เทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ นาค
คนธรรพ์ ครุฑ และอสูร เป็นต้น เพื่อขอความเป็นมงคล ความสงบ ความสวัสดี ความไม่มีโรค ชัยชนะ และอายุ
รวมทั้งขอให้ท่านคุ้มครองให้พ้นจากเหตุเภทภัยนานัปการ อันจะบังเกิดขึ้นในกาลทุกเมื่อ

อานุภาพของอุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง)

ผู้ใดสวดหรือฟังอุปปาตะสันติ อันกล่าวแล้วด้วยประการฉะนี้
บุคคลนั้นจะพึงชนะจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง จะเจริญด้วยคุณ 5 ประการ
คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ความวิบัติย่อมไม่มาแผ้วพาน
ย่อมได้รับความอิ่มใจในกาลทุกเมื่อ ยาพิษและศาสตราวุธย่อมไม่มากล้ำกราย
ย่อมชนะข้าศึกทั้งมวล โรคาพยาธิย่อมไม่เบียดเบียน ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ศฤงคาร
ภัยจากมนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์ร้ายน้อยใหญ่ย่อมสงบไปด้วย
เสียงแห่งการสวดอุปปาตะสันติ


ผู้ที่สวดอุปปาตะสันติแล้วอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปก็ดี ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี
จะช่วยให้เขาเหล่านั้นพ้นจากมหันตทุกข์

ย่อมเข้าถึงสุขในกาลทุกเมื่อ ทวยเทพเทวดาทั้งหลาย
ท้าวพระยามหากษัตริย์ทั้งหลาย จักเป็นผู้เจริญด้วยเดชและสิริมงคล


ด้วยกฤตยานุภาพแห่งพระคาถาอุปปาตะสันติ เหตุร้ายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ
มีแผ่นดินไหวและน้ำท่วม เป็นต้น
เหตุร้ายอันเกิดจากฟากฟ้า
เหตุร้ายอันเกิดจากสุริยุปราคา จันทรุปราคา
เหตุร้ายอันเกิดจากบาปกรรม
เหตุร้ายทั้งปวงจักพินาศไปด้วยเดชแห่งอุปปาตะสันติ

บทสวดพระคาถาอุปปาตะสันติ (มหาสันติงหลวง)

บทสวดสงบเหตุร้าย

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีแด่พระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

(( ว่า ๓ จบ ))

-คันถารัมภะ  (คำเริ่มต้นคัมภีร์)

(ก) สุทุททะโส อะยัง ธัมโม โลกัตถัง ชินะเทสิโต
มะหาสันติกะโร โลเก สัพพะสัมปัตติทายะโก

{แปล} ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก
เป็นธรรมที่เห็นได้ยากยิ่ง สำหรับธรรมที่จะกล่าวต่อไปนี้
เป็นธรรมที่สามารถกระทำความสงบอันประเสริฐ
และสามารถประทานซึ่งสมบัติทั้งปวง

(ข) สัพพุปปาตูปะสะมะโณ ภูตะยักขะนิวาระโณ
อะกาละมัจจุสะมะโณ โสกะโรคะวินาสะโน

{แปล} เป็นเครื่องสงบเหตุร้ายทั้งปวง เป็นเครื่องป้องกันอมนุษย์และยักษ์
เป็นเครื่องระงับความตายก่อนกำหนดเวลา
เป็นเครื่องขจัดความเศร้าโศกและโรค

(ค) ปะระจักกะปะมัททะโน รัญโญ วิชะยะวัฑฒะโน
สัพพานิฏฐะหะโร สันโต ธัมมัง วักขามิ ภูตะโต

{แปล} เป็นเครื่องย่ำยีกำลังของข้าศึก เป็นเครื่องจำเริญชัยชนะแด่พระราชา
เป็นเครื่องนำสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาทั้งปวงออกไป
เป็นธรรมอันประเสริฐ

(ฆ) วัตถุตตะยัสสะ โย ยัตถะ สังวัณเณติ คุณุตตะเม
ตัสสะ ตัตถะ สุขาโรคฺยะ- โสตถิโย โหนติ สัพพะทา

{แปล} ณ ที่ใด มีผู้กล่าววาจาสรรเสริญพระคุณอันประเสริฐของพระรัตนตรัย
ด้วยจิตที่เลื่อมใส ณ ที่นั้น ความสุข ความสบาย และความสวัสดี
ย่อมมีแก่ผู้นั้นตลอดกาลทุกเมื่อ

(พระพุทธเจ้าในอดีต 28 พระองค์)
(ในสารมัณฑกัป 4 พระองค์)

۩ﺴ1.ตัณหังกะโร มะหาวีโร สัพพะโลกานุกัมปะโก
วันตะสังสาระคะมะโน สัพพะกามะทะโท สะทา

{แปล} พระตัณหังกร สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แกล้วกล้ามาก
ผู้อนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง
ผู้คลายตัณหาอันเป็นเหตุท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏได้แล้ว
ผู้ประทานสิ่งที่น่าปรารถนาทั้งปวงให้ ในกาลทุกเมื่อ

۩ﺴ2.สัพพาภิภู สัพพะวิทู สัพพะเทวะคะรุตตะโม
สัพพาสะวะปะริกขีโณ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ผู้ทรงครอบงำธรรมทั้งปวง ทรงรู้แจ้งธรรมทั้งปวง
ทรงเป็นครูผู้ยอดเยี่ยมของมนุษย์และเทวดาทั้งปวง
ทรงสิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ3.วะระลักขะณะสัมปันโน เมธังกะโร มะหามุนิ
ชุตินธะโร มะหาสิรี สุวัณณะคิริสันนิโภ

{แปล} พระจอมมุนีพระนามว่า เมธังกร
ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยพระลักษณะอันเลิศ
ผู้ทรงไว้ซึ่งพระรัศมี ผู้ทรงมีพระสิริยิ่งใหญ่ รุ่งเรืองดุจสุวรรณคีรี

۩ﺴ4.ทิพพะรูโป มะหากาโย มะหานาโถ มะหัพพะโล
มะหาการุณิโก สัตถา มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} ผู้ทรงมีพระรูปเพียงดังท้าวมหาพรหม
มีพระวรกายอันประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ
ทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐมีพระกำลังมาก
ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงเป็นพระศาสดา
โปรดประทานความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ5.มะหาโมหะตะมัง หันตฺวา โย นาโถ สะระณังกะโร
เทวาเทวะมะนุสสานัง โลกานัญจะ หิตังกะโร

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สรณังกร
ทรงเป็นที่พึ่ง ทรงกำจัดความมืดมนคืออวิชชาได้แล้ว
ทรงกระทำประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก
กล่าวคือเหล่าทวยเทพ อสูร และมนุษย์ทั้งหลาย

۩ﺴ6.พฺยามัปปะภาภิรุจิโต นิโคฺรธะปะริมัณฑะโล
นิโคฺรธะปักกะพิมโพฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า สรณังกร พระองค์นั้น
ผู้ทรงรุ่งเรืองด้วยพระรัศมีแผ่ออกไปหนึ่งวาโดยรอบ
ผู้ทรงมีพระวรกายเป็นปริมณฑลดุจต้นนิโครธ
(ความสูงของกายเท่ากับความยาวของวา)
ผู้ทรงมีพระโอฏฐ์แดงเรื่อดุจผลตำลึงสุก ที่ต้นนิโครธ
(นิสสยะฉบับพม่า แปลว่า ดุจผลนิโครธสุก)
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ7.อะสีติระตะนุพเพโธ ทีปังกะโร มะหามุนิ
ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ ฐาเน ทฺวาทะสะ โยชะเน

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ทีปังกร
มีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นพระมหามุนี
พระรัศมีของพระองค์แผ่ออกไปในที่สิบสองโยชน์

۩ﺴ8.วัสสัสสะตะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก วินายะโก
โลกาโลกะกะโร สัตถา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ในโลกหนึ่งแสนปี
ทรงนำเวไนยสัตว์สู่พระนิพพาน
ทรงเป็นพระศาสดาผู้ประทานแสงสว่างแก่โลก
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

 (ในสารกัป ๑ พระองค์)

۩ﺴ9.อัฏฐาสีติหัตถุพเพโธ โกณฑัญโญ นามะ นายะโก
สัพพะธัมเมหิ อะสะโม สัพพะปาระมิตาคะโม

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โกณฑัญญะ
มีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก ทรงเป็นผู้นำ
ทรงเป็นผู้ไม่มีบุคคลเสมอด้วยธรรมทั้งปวง
ทรงถึงความเป็นผู้มีบารมีทั้งปวง

۩ﺴ10.วัสสัสสะตะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน
โมเจตุ โส สัพพะภะยา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ทรงเป็นพระผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ มีพระชนมายุหนึ่งแสนปี
ขอพระองค์โปรดเปลื้องพวกข้าพระองค์ ให้พ้นจากภัยทั้งปวง
โปรดประทานความสวัสดีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(ในสารมัณฑกัป ๔ พระองค์)

۩ﺴ11.อัฏฐาสีติระตะนานิ อัจจุคคะโต ชุตินธะโร
มังคะโล นามะ สัมพุทโธ นะวุติสะหัสสายุโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า มังคละ
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก
ทรงไว้ซึ่งพระรัศมี ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี

۩ﺴ12.ฉัพพัณณะรังสิโย ทะสะ สะหัสสะโลกะธาตุโย
ผะรันตา ตัสสะ ฉาเทนติ เอสะ โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระฉัพพรรณรังสีของพระองค์ แผ่ปกคลุมโลกธาตุหนึ่งหมื่น
ขอพระองค์โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ13.นะวุติระตะนุพเพโธ สุมะโน นามะ นายะโก
กัญจะนาจะละสังกาโส นะวุติสะหัสสายุโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุมนะ
ทรงมีพระวรกายสูงเก้าสิบศอก ทรงเป็นผู้นำ
ทรงเป็นผู้เปรียบประดุจสุวรรณคีรี ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี

۩ﺴ14.อุเปโต พุทธะคุเณหิ สัพพะสัตตะหิเตสะโก
กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ สุขัง สะทา

{แปล} ทรงประกอบด้วยพระพุทธคุณทั้งหลาย
ทรงแสวงหาความเกื้อกูลแก่เหล่าสัตว์โลกทั้งปวง
โปรดประทานความสงบร่มเย็น ความไม่มีโรค
และความสุข แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ15.อะสีติระตะนุพเพโธ สัฏฐีสะหัสสะอายุโก
เรวะโต นามะ สัมพุทโธ สัพพะโลกุตตะโร มุนิ

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เรวตะ
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงมีพระชนมายุหกหมื่นปี
ทรงประเสริฐกว่าสัตว์โลกทั้งปวง ทรงรู้แจ้งโลกทั้งปวง

۩ﺴ16.ตัสสะ สะรีเร นิพพัตตา ปะภามาลา อะนุตตะรา
ผะรันตา โยชะเน นิจจัง สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} แสงแห่งพระรัศมีอันไม่มีที่เปรียบ
อันเกิดแต่พระวรกายของพระองค์
แผ่ไปตลอดแนวหนึ่งโยชน์เป็นนิจ
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ17.โสภิโต นามะ สัมพุทโธ นะวุติสะหัสสายุโก
สังสาระสาคะเร สัตเต พะหู โมเจติ ทุกขะโต

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โสภิตะ
ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี ทรงเปลื้องสัตว์โลกเป็นจำนวนมาก
จากทุกข์ในห้วงมหาสมุทร คือ สังสารวัฏ

۩ﺴ18.อัฏฐะปัญญาสะระตะนัง อัจจุคคะโต มะหามุนิ
โอภาเสติ ทิสา สัพพา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระองค์ ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก
ทรงเป็นพระมหามุนีผู้ประเสริฐ ทรงยังทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(ในวรกัป ๓ พระองค์)

۩ﺴ19.อะโนมะทัสสี สัมพุทโธ เตชัสสี ทุระติกกะโม
อัฏฐะปัณณาสะระตะโน โอภาเสนโต สะเทวะเก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี
ผู้อันศัตรูไม่สามารถกล้ำกรายได้
ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก
ทรงกระทำมนุษย์โลกพร้อมทั้งเทวโลกให้สว่างไสวอยู่

۩ﺴ20.นิพพานะปาปะโก โลเก วัสสัสสะตะสะหัสสายุ
กะโรตุ โน มะหาสันติง สุขิตา จะ มะยัง สะทา

{แปล} พระองค์ทรงยังสัตว์โลกให้ถึงพระนิพพาน
ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี
โปรดประทานความสงบร่มเย็น
แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
อนึ่งขอให้พวกข้าพระองค์ จงเป็นผู้มีความสุข ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ21.ปะทุโม นามะ สัมพุทโธ โลกะเชฏโฐ นะราสะโภ
อัฏฐะปัญญาสะระตะโน อาทิจโจวะ วิโรจะติ

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมะ
ทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าเหล่าสัตว์โลกทั้งปวง
ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก ทรงรุ่งโรจน์ประดุจพระอาทิตย์

۩ﺴ22.วัสสัสสะตะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน
โสปิ พุทโธ การุณิโก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี
แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระมหากรุณา
ขอทรงโปรดประทานความสวัสดี
แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ23.อัฏฐาสีติระตะนุพเพโธ นาระโท สัพพะกามะโท
นิรันตะรัง ทิวารัตติง โยชะนัง ผะระเต ปะภา

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า นารทะ
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก
ทรงประทานสิ่งที่น่าชอบใจทั้งปวง
พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปสู่ที่หนึ่งโยชน์ ตลอดวันและคืนเป็นนิจ

۩ﺴ24.นะวุติวัสสะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก วินายะโก
โมเจติ ทุกขะโต สัตเต โสปิ โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระองค์ทรงแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก ให้หลุดพ้นจากวัฏฏทุกข์
ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด

(ในสารกัป 1 พระองค์)

۩ﺴ25.อัฏฐะปัณณาสะระตะโน ปะทุมุตตะโร มะหามุนิ
ตัสสะ ปากะติกา รังสี ผะรันติ ทฺวาทะสะ โยชะเน

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ
ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก
พระรัศมีอันมีอยู่โดยธรรมชาติของพระองค์ แผ่ไปถึงสิบสองโยชน์

۩ﺴ26.วัสสัสสะตะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเกมะตันทะโท
โมเจติ พันธะนา สัตเต โสปิ ปาเลตุ โน สะทา

{แปล} พระองค์ทรงประทานอมฤตธรรม คือ พระนิพพาน
ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ่งแสนปี
ทรงเปลื้องหมู่สัตว์โลก ให้พ้นจากกิเลสเครื่องผูกมัด
ขอพระองค์โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(ในมัณฑกัป ๒ พระองค์)

۩ﺴ27.อัฏฐาสีติระตะนานิ อัจจุคคะโต มะหามุนิ
สุเมโธ นามะ สัมพุทโธ นะวุติสะหัสสายุโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบแปดศอก
ทรงเป็นพระมหามุนีผู้ประเสริฐ ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี

۩ﺴ28.ตัสสะ ปากะติกา รังสี ผะรันติ โยชะนัง สะทา
ปาเลตุ โน สะทา พุทโธ ภะเยหิ วิวิเธหิ จะ

{แปล} พระรัศมีอันมีอยู่โดยปกติของพระองค์
แผ่ไปตลอดหนึ่งโยชน์ในกาลทุกเมื่อ
ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ นั้น
โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ ให้พ้นจากภัยต่าง ๆ

۩ﺴ29.ปัญญาสะระตะนุพเพโธ สุชาโต นามะ นายะโก
เหมะวัณโณ มะหาวีโร มะหาตะมะวิโนทะโน

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุชาตะ
ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบศอก ทรงเป็นผู้นำ
ทรงมีพระฉวีประดุจทอง ทรงเป็นผู้แกล้วกล้ายิ่ง
ทรงบรรเทาความมืด คือ โมหะ

۩ﺴ30.นะวุติวัสสะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน
โสปิ พุทโธ การุณิโก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุชาตะ
แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุเก้าหมื่นปี ทรงมีพระมหากรุณา
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(ในวรกัป 1 พระองค์)

۩ﺴ31.อะสีติระตะนุพเพโธ ปิยะทัสสี มะหามุนิ
นะวุติวัสสะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลกัคคะนายะโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกสู่พระนิพพาน
ทรงดำรงพระชนม์อยู่ตลอดเก้าหมื่นปี

۩ﺴ32.โสปิ สัพพะคุณูเปโต สัพพะโลกะสุขัปปะโท
สัพพะโทสัง วินาเสนโต สัพพัง โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี
แม้นั้น ผู้ทรงประกอบด้วยคุณทั้งปวง
ทรงให้ความสุขแก่โลกทั้งปวง ทรงกำจัดโทษทั้งปวง
โปรดประทานความสวัสดีทั้งปวง แก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ33.อะสีติระตะนุพเพโธ อัตถะทัสสี นะราสะโภ
วัสสัสสะตะสะหัสสานิ โลเก อัฏฐาสิ นายะโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นนระผู้ประเสริฐ
ทรงเป็นผู้นำ ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ่งแสนปี

۩ﺴ34.ตัสสะ ปากะติกา รังสี ผะรันติ โยชะนัง สะทา
นิรันตะรัง ทิวารัตติง นาโถ โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระรัศมีอันมีอยู่โดยปกติของพระองค์
แผ่ไปได้หนึ่งโยชน์ตลอดกลางวันและกลางคืน
ในกาลทุกเมื่อเป็นนิจ พระองค์ผู้เป็นที่พึ่ง
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ35.ธัมมะทัสสี จะ สัมพุทโธ อะสีติหัตถะมุคคะโต
อะติโรจะติ เตเชนะ สะเทวาสุระมานุเส

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ธัมมทัสสี
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก
ทรงรุ่งโรจน์ด้วยพระเดชานุภาพยิ่งกว่าโลก
ซึ่งประกอบด้วยเหล่าทวยเทพ อสูร และมนุษย์ทั้งหลาย

۩ﺴ36.วัสสัสสะตะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก มะหายะโส
สัพพะสัตเต ปะโมเจติ ภะยา รักขะตุ โน สะทา

{แปล} พระองค์ผู้ทรงมีชื่อเสียงและบริวารอันยิ่งใหญ่
ดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดหนึ่งแสนปี
ทรงเปลื้องสัตว์ทั้งปวงจากภัย
โปรดคุ้มครองพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากภัย ในกาลทั้งปวงเถิด

۩ﺴ37.สิทธัตโถ นามะ สัมพุทโธ สัฏฐิระตะนะมุคคะโต
ติภะเว โสตถิชะนะโก สะตัสสะหัสสะ อายุโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ
ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก
ทรงยังความสวัสดีให้เกิดขึ้นในภพทั้งสาม
ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี

۩ﺴ38.สังสาระสาคะรา โลเก สันตาเรตฺวา สะเทวะเก
นิพพาเปสิ จะ โส สัตถา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระศาสดาพระนามว่า สิทธัตถะ นั้น
ผู้ทรงยังหมู่มนุษย์พร้อมทั้งเหล่าทวยเทพ
ให้ข้ามพ้นจากห้วงมหาสมุทร คือสังสารวัฏ และให้ถึงพระนิพพาน
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(ในมัณฑกัป ๒ พระองค์)

۩ﺴ39.สัฏฐิระตะนะมุพเพโธ ติสโส โลกัคคะนายะโก
อะนูปะโม อะสะทิโส อะตุโล อุตตะโม ชิโน

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ติสสะ
ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก ทรงเป็นบุคคลผู้นำชั้นเลิศของโลก
ไม่มีบุคคลเทียบเท่า ไม่มีบุคคลเสมอเหมือน
ไม่มีบุคคลเปรียบปาน ทรงเป็นผู้สูงสุด ทรงเป็นผู้ชนะมารทั้งปวง

۩ﺴ40.วัสสัสสะตะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน
อาโรคฺยัญจะ มะหาสุขัง โหตุ โน ตัสสะ เตชะสา

{แปล} ด้วยพระเดชานุภาพของพระพุทธเจ้า
พระนามว่า ติสสะ พระองค์นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุหนึ่งแสนปี
ขอความไม่มีโรค และความสุขอันประเสริฐ จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ41.อัฎฐะปัณณาสะระตะโน ผุสโส โลกัคคะนายะโก
ชะนัมพุชัง วิโพเธนโต นิพพาเปนโต สะเทวะเก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ
ทรงมีพระวรกายสูงห้าสิบแปดศอก
ทรงเป็นบุคคลผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงยังดอกบัวคือหมู่ชนให้เบิกบาน
ทรงยังหมู่มนุษย์ พร้อมทั้งเหล่าทวยเทพ ให้ถึงพระนิพพาน

۩ﺴ42.นะวุติวัสสะสะหัสสานิ ฐัตฺวา โลเก มะหายะโส
อุทธะรันโต พะหู สัตเต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระองค์ทรงมีชื่อเสียงและบริวารอันยิ่งใหญ่
ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตลอดเก้าหมื่นปี
ผู้ทรงนำสัตว์โลกจำนวนมากออกจากสังสารวัฏ
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด(ในมัณฑกัป ๒ พระองค์)

(ในสารกัป ๑ พระองค์)

۩ﺴ43.อะสีติระตะนุพเพโธ วิปัสสี โลกะนายะโก
ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ สะมันตา สัตตะ โยชะเน.

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี
ทรงมีพระวรกายสูงแปดสิบศอก ทรงเป็นผู้นำของสัตว์โลก
พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปตลอดเจ็ดโยชน์โดยรอบ

۩ﺴ44.โสปิ เทวะมะนุสสานัง พันธะนา ปะริโมจะยิ
อะสีติสะหัสสายุโก นาโถ โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี
แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุแปดหมื่นปี ทรงเป็นที่พึ่ง
ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จากเครื่องผูกคือกิเลส
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด

(ในมัณฑกัป 2 พระองค์)

۩ﺴ45.สัตตะตีหัตถะมุพเพโธ สิขี นาเมสะ นายะโก 
ปะภา นิทธาวะเต ตัสสะ สะมันตา โยชะนัตตะเย

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด 
ทรงมีพระวรกายสูงเจ็ดสิบศอก 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระนามว่า สิขี ทรงเป็นผู้นำ 
พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปตลอดสามโยชน์โดยรอบ

۩ﺴ46.โสปิ อะตุลฺโย สัมพุทโธ สัตตะตีสะหัสสายุโก 
กะโรตุ โน มะหาสันติง สุขิตา จะ มะยัง สะทา

{แปล} ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี 
แม้นั้น ผู้ทรงไม่มีผู้เปรียบ ทรงมีพระชนมายุเจ็ดหมื่นปี 
โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพระองค์ 
อนึ่ง ขอพวกข้าพระองค์ จงเป็นผู้ถึงความสุข ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩47.เวสสะภู นามะ สัมพุทโธ เหมะรูปะสะมูปะโม 
สัฏฐีระตะนะมุพเพโธ สัฏฐี จะ สะหัสสายุโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เวสสภู 
ผู้มีพระฉวีประดุจทอง ทรงมีพระวรกายสูงหกสิบศอก 
ทรงมีพระชนมายุหกหมื่นปี

۩48.พฺรัหฺมะเทวะมะนุสเสหิ นาคาสุระทิเชหิ วา 
ปูชิโตปิ สะทา นาโถ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า เวสสภู 
แม้นั้น ผู้อันหมู่พรหม เทวดา มนุษย์ นาค อสูร และครุฑ 
พากันบูชาแล้ว ทรงเป็นที่พึ่ง 
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

ในภัทรกัปนี้ 5 พระองค์
(ผ่านไปแล้ว 3 พระองค์)

۩ﺴ49.ตาฬีสะระตะนุพเพโธ กะกุสันโธ มะหามุนิ
ตัสสะ กายา นิจฉะรันติ ปะภา ทฺวาทะสะ โยชะเน

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ
ทรงมีพระวรกายสูงสี่สิบศอก ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ
พระรัศมีจากพระวรกายของพระองค์ แผ่ซ่านไปสิบสองโยชน์

۩ﺴ50.จัตตาฬีสะสะหัสสานิ ตัสสะ อายุ อะนุตตะโร
กะโรตุ โส สะทา นาโถ อายุง สุขัง พะลัญจะ โน

{แปล} ขอพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ
แม้นั้น ผู้ทรงมีพระชนมายุสี่หมื่นปี
ทรงเป็นผู้ไม่มีใครเปรียบ ทรงเป็นที่พึ่ง
โปรดประทานอายุ ความสุข และกำลังแก่พวกข้าพระองค์
ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ51.โกนาคะมะนะ สัมพุทโธ ติงสะหัตถะสะมุคคะโต
ติงสะวัสสะสะหัสสานิ อายุ ตัสสะ มะเหสิโน

{แปล} พระโกนาคมมะ สัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงมีพระวรกายสูงสามสิบศอก ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ทรงมีพระชนมายุสามหมื่นปี

۩ﺴ52.ธัมมามะเตนะ ตัปเปตา เทวะสังฆัง สุราละเย
มะหีตะเล จะ ชะนะตัง สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ทรงยังหมู่ทวยเทพบนสวรรค์ และหมู่มนุษย์บนพื้นโลก
ให้อิ่มเอิบด้วยอมตธรรม คือพระนิพพาน
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ53.กัสสะโป นามะ สัมพุทโธ ธัมมะราชา ปะภังกะโร
วีสะตีหัตถะมุพเพโธ วีสัสสะหัสสะอายุโก

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ
ผู้ทรงเป็นพระธรรมราชา ทรงมีพระรัศมี
ทรงมีพระวรกายสูงยี่สิบศอก ทรงมีพระชนมายุสองหมื่นปี

۩ﺴ54.อะนูปะโมสะมะสะโม เทวะสัตถา อะนุตตะโร
กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา

{แปล} พระองค์ไม่มีผู้เปรียบปานเสมอเหมือน
ทรงเป็นศาสดาของเหล่าทวยเทพ ทรงเป็นผู้ยอดเยี่ยม
โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ
แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(พระพุทธเจ้าในปัจจุบัน ๑ พระองค์)

۩ﺴ55.อัฏฐาระสะหัตถุพเพโธ โคตะโม สักกะยะวัฑฒะโน
สัพพัญญู สัพพะติละโก สัพพะโลกะสุขัปปะโท

{แปล} พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ
ทรงมีพระวรกายสูงสิบแปดศอก ทรงเป็นผู้เชิดชูศากยวงศ์
ทรงตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ทรงเป็นผู้โดดเด่นกว่าชนทั้งปวง
ทรงประทานความสุขให้แก่สัตว์โลก
(ในคัมภีร์พุทธวงศ์แสดงไว้ว่า ทรงมีพระวรกายสูง ๑๖ ศอก)

۩ﺴ56.สัมพุทโธ สัพพะธัมมานัง ภะเคหิ ภาคฺยะวา ยุโต
วิชชาจะระณะสัมปันโน โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

{แปล} ขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ
ผู้ตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ทรงประกอบด้วยบุญ ทรงมีพระบารมีอันสูงสุด
ทรงเพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
โปรดประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ57.อัพภาตีตา จะ สัมพุทธา อะเนกะสะตะโกฏิโย
สัพพะโลกะมะภิญญายะ สัพพะสัตตานุกัมปิโน

{แปล} อนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
หลายร้อยโกฏิซึ่งเสด็จล่วงลับไปแล้ว
ทรงประจักษ์โลกทั้งปวงด้วยพระญาณแล้ว
จึงทรงอนุเคราะห์เหล่าสรรพสัตว์

۩ﺴ58.สัพพะเวระภะยาตีตา สัพพะโลกะสุขัปปะทา
สัพพะโทสัง วินาเสนตา สัพพะโสตถิง กะโรนตุ โน

{แปล} ทรงล่วงพ้นเวรและภัยทั้งปวง
ทรงประทานความสุขแก่สรรพสัตว์
ทรงกำจัดโทษทั้งปวง
ขอทรงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์เถิด

۩ﺴ59.อะนาคะเต จะ สัมพุทโธ เมตเตยโย เทวะปูชิโต
มะหิทธิโก มะหาเทโว มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} ก็ในอนาคต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เมตเตยยะ
ทรงเป็นผู้ที่หมู่ทวยเทพบูชาแล้ว ทรงมีฤทธิ์มาก
ทรงเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาทั้งปวง
โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพระองค์เถิด

(พระปัจเจกพุทธเจ้า)

۩ﺴ60.สัพเพ ปัจเจกะสัมพุทธา นิโรธะฌานะโกวิทา
นิราละยา นิราสังกา อัปปะเมยยา มะเหสะโย

{แปล} พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งปวง
ทรงปรีชาญาณในนิโรธสมาบัติและฌานสมาบัติ
ทรงปราศจากความกำหนัดยินดี หมดความรังเกียจ
ทรงคุณอันหาประมาณมิได้ ทรงแสวงหาคุณอันประเสริฐ

۩ﺴ61.ทูเรปิ วิเนยเย ทิสฺวา สัมปัตตา ตังขะเณนะ เต
สันทิฏฐิกะผะเล กัตฺวา สะทา สันติง กะโรนตุ โน

{แปล} พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านี้
เห็นหมู่เวไนยสัตว์แม้ในที่ไกล
ก็ทรงเสด็จไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้น
ให้ได้รับประโยชน์โดยพลัน
โปรดประทานความสงบ แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(นวโลกุตตรธรรม ๙ และปริยัติธรรม ๑)

۩ﺴ62.สฺวากขาตาทิสัมปันโน ธัมโม สะปะริยัตติโก
สังสาระสาคะรา โลเก ตาเรติ ชินะโคจะโร

{แปล} พระธรรม พร้อมทั้งปริยัติที่สมบูรณ์ด้วยคุณ
มีความเป็นธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป็นต้น
เป็นอารมณ์ของพระพุทธเจ้า
เป็นเหตุยังสัตว์โลกให้ข้ามพ้นสาครคือ สังสารวัฏ

۩ﺴ63.กิเลสะชาละวิทธังสี วิสุทโธ พุทธะเสวิโต
นิพพานะคะมะโน สันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่ง อันมีปกติทำลายข่ายคือกิเลส
เป็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเจริญแล้ว
เป็นธรรมอันประเสริฐอันยังสัตว์ให้ถึงพระนิพพาน
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

(พระสังฆรัตนะ)

۩ﺴ64.สีลาทิคุณะสัมปันโน สังโฆ มัคคะผะเล ฐิโต
ชิตินทฺริโย ชิตะปาโป ทักขิเณยโย อะนุตตะโร

{แปล} พระสงฆ์ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณมีศีลเป็นต้น
ดำรงอยู่ในมรรคและผล ชนะอินทรีย์แล้ว ชนะบาปแล้ว
เป็นทักขิเณยยบุคคลผู้ยอดเยี่ยม

۩ﺴ65.อะนาสะโว ปะริสุทโธ นิราสาโส ภะวาภะเว
นิพพานะโคจะโร สันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอพระอริยสงฆ์ผู้ไม่มีอาสวะ ผู้บริสุทธิ์
ผู้หมดความปรารถนาในภพน้อยภพใหญ่
ผู้มีจิตจดจ่อในพระนิพพาน เป็นสัตบุรุษ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

(พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ องค์)

۩ﺴ66.อัญญาตะโกณฑัญญัตเถโร รัตตัญญูนัง อัคโค อะหุ
ธัมมะจักกาภิสะมะโย สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอัญญาโกณฑัญญะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าภิกษุผู้รู้ราตรี
ผู้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ67.วัปปัตเถโร มะหาปัญโญ มะหาตะมะวิโนทะโน
มะหาสันติกะโร โลเก มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระวัปปะเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้กำจัดความมืดคือโมหะ
ผู้กระทำความสงบอันประเสริฐในโลก
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ68.ภัททิโย ภัททะสีโล จะ ทักขิเณยโย อะนุตตะโร
โลกัตถะจะริโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระภัททิยเถระ ผู้มีศีลงาม
ผู้เป็นทักขิเณยยบุคคลผู้ยอดเยี่ยม
ผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่โลก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ69.มะหานาโม มะหาปัญโญ มะหาธัมมะวิทู สุโต
มะหาขีณาสะโว เถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระมหานามะเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ
ผู้มีชื่อเสียง เป็นพระขีณาสพผู้ประเสริฐ
ขอจงประทานความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ70.อัสสะชิตเถโร มะหาปัญโญ ชิตะมาโร ชิตินทฺริโย
ชิตะปัจจัตถิโก โลเก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอัสสชิเถระ ผู้มีปัญญามาก ผู้ชนะมาร
ผู้ชนะอินทรีย์ ผู้ชนะศัตรูในโลก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ71.อะนุปุพพิกะถัง สุตฺวา ยะโส เอกัคคะมานะโส
อัคคะธัมมะมะนุปปัตโต โสตถาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

{แปล} พระยสะเถระ ผู้ฟังอนุปุพพิกถาแล้ว
มีจิตตั้งมั่นบรรลุพระอรหัตผล อันเป็นธรรมอันเลิศ
ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ72.จัตฺวาธิกา จะ ปัญญาสะ เถรา คิหิสะหายะกา
ปัตฺวานะ ปะระมัง สันติง สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน

{แปล} และพระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ ๕๔ รูป
ผู้เคยเป็นสหายของพระยสะ เมื่อครั้งยังเป็นผู้ครองเรือน
บรรลุแล้วซึ่งพระนิพพานอันประเสริฐ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ73.เย ติงสะ ภัททะวัคคิยา รูเปนาตุละวัณณิโน
ขีณาสะวา วะสีภูตา เต กะโรนตุ อะนามะยัง

{แปล} พระภัททวัคคีย์ผู้เป็นเถระสามสิบองค์
ผู้มีรูปทรงและผิวพรรณอันหาใครเปรียบปานมิได้ สิ้นอาสวะแล้ว
เป็นผู้ชนะตน มีความชำนาญในการเข้าฌาน
ขอจงประทานความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ74.อุรุเวละกัสสะโปปิ มะหาปะริสานะมุตตะโม
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} แม้พระอุรุเวลกัสสปะ ผู้เป็นเลิศในตำแหน่งแห่งภิกษุผู้มีบริษัทมาก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ75.โย นะทีกัสสะปัตเถโร ปุญญักเขตโต อะนุตตะโร
สะสังโฆ สีละสัมปันโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} แม้พระเถระนามว่า นทีกัสสปะ ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ
ผู้มีภิกษุเป็นศิษย์ ๓๐๐ เป็นบริวาร ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ76.ธัมมะปัชชะลิโต สันโต โย เถโร คะยากัสสะโป
สังยุตโต ภะวะนิสฺเนเห สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า คยากัสสปะ ผู้รุ่งเรืองด้วยธรรม ผู้สงบ
ผู้เข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นที่ปราศจากภวตัณหา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ77.โลกะนาถัง ฐะเปตฺวานะ ปัญญะวันตานะ ปาณินัง
ปัญญายะ สาริปุตตัสสะ กะลัง นาคฆะติ โสฬะสิง

{แปล} ในบรรดาสรรพสัตว์ผู้มีปัญญาทั้งหลาย
เว้นพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลกแล้ว
สัตว์ใด ๆ ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่สิบหกแห่งปัญญาของพระสารีบุตร

۩ﺴ78.สาริปุตโต มะหาปัญโญ ปะฐะโม อัคคะสาวะโก
ธัมมะเสนาปะตี เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ขอ พระสาริปุตตะ ผู้มีปัญญามาก ผู้เป็นอัครสาวกองค์ที่หนึ่ง
ผู้เป็นธรรมเสนาบดี ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เลิศทางปัญญา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ79.ปาทังคุลิกะมัตเตนะ เวชะยันตะปะกัมปะโน
ปะฐะวิง มะหะติง สัพพัง สะมัตโถ ปะริวัตติตุง

{แปล} พระมหาเถระใด ผู้สามารถยังเวชยันต์ปราสาท
(ปราสาทของพระอินทร์) ให้หวั่นไหวแม้ด้วยเพียงหัวแม่เท้านั้น
ผู้สามารถพลิกแผ่นดินผืนใหญ่ทั้งหมดได้

۩ﺴ80.โมคคัลลาโน มะหาเถโร ทุติโย อัคคะสาวะโก
อิทธิมันตานัง โส อัคโค สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระมหาเถระนั้นนามว่า โมคคัลลานะ
ผู้เป็นพระอัครสาวกองค์ที่สอง
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ81.มะหากัสสะปัตเถโรปิ อุตตัตตะกะนะกันนิโภ
ธุตะคุณัคคะนิกขิตโต ตะติโย สัตถุสาวะโก

{แปล} พระมหาเถระนามว่า กัสสปะ
ผู้มีผิวพรรณอันงดงามดุจเนื้อทองคำอันบริสุทธิ์
ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นผู้เลิศ ในทางธุดงค์คุณ
เป็นพระอัครสาวกองค์ที่สามของพระศาสดา

۩ﺴ82.อะรัญญะวาสาภิระโต ปังสุกูละธะโร มุนิ
สุคะตัสสาสะนะธะโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} เป็นผู้ยินดียิ่งในการอยู่ป่า ผู้ทรงผ้าบังสุกุล
เป็นมุนีผู้รู้โลกทั้งภายในและภายนอก
ผู้ทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระสุคต
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ83.อาปัตติอะนาปัตติยา สะเตกิจฉายะ โกวิโท
วินะเย อัคคะนิกขิตโต อุปาลิ สัตถุวัณณิโต

{แปล} พระอุบาลีเถระ ผู้ฉลาดในอาบัติและมิใช่อาบัติ
และในอาบัติที่เยียวยาได้และเยียวยาไม่ได้
ผู้อันพระศาสดาทรงแต่งตั้งให้ เป็นผู้เลิศในทางทรงพระวินัย

۩ﺴ84.วินะเย ปาระมิปปัตโต วินะยัคโคจะโร มุนิ
กะโรตุ โน มะหาสันติง โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

{แปล} ผู้อันพระศาสดาทรงยกย่อง
ให้เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นผู้เลิศในทางทรงจำพระวินัย
ผู้สำรวมกาย วาจา และใจ
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้า
และขอให้ความสวัสดี ความไม่มีโรค จงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ85.อะนุรุทธะมะหาเถโร ทิพพะจักขูนะมุตตะโม
ญาติเสฏโฐ ภะคะวะโต โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

{แปล} พระอนุรุทธมหาเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีตาทิพย์
เป็นพระประยูรญาติผู้ประเสริฐของพระผู้มีพระภาค
ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ86.อุจจากุลิกานัง อัคโค ภัททิโย สุสะมาหิโต
กาฬิโคธายะ ปุตโต จะ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระภัททิยะเถระ เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุ ผู้มีตระกูลสูง
เป็นผู้มีจิตอันตั้งมั่น เป็นบุตรของนางกาฬิโคธา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ87.อานันโท พุทธุปัฏฐาโก สังคีติสาธุสัมมะโต
พะหุสสุโต ธัมมะธะโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอานันทะเถระ (ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า)
ผู้ยังการทำสังคายนาให้สำเร็จ ผู้เป็นพหูสูต ผู้ทรงธรรม
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ88.กิมิโล สิริสัมปันโน มะหาสุขะสะมัปปิโต
มะหาขีณาสะโว ชาโต มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระกิมพิละเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ เพียบพร้อมด้วยบรมสุข
เป็นพระขีณาสพผู้ประเสริฐ
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ89.คะรุวาสัง วะสิตฺวานะ ปะสันโน พุทธะสาสะเน
ภะคุ จาระหะตัง ปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระภคุเถระ ผู้เลื่อมใส และอยู่ด้วยความเคารพในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ90.กุลัปปะสาทะชะนะโก กาฬุทายี มะหิทธิโก
เอตะทัคคัฏฐิโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระกาฬุทายีเถระ ผู้มีฤทธิ์มาก
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ทำให้คนเลื่อมใส
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ91.เสฏโฐ ธัมมะกะถิกานัง ติณณัง เวทานะ ปาระคู
ปุณโณ มันตานิยา ปุตโต เถโร โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระปุณณะเถระ ผู้เป็นบุตรของนางมันตานี
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้เป็นธรรมกถึก ผู้จบไตรเพท
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ92.ภาระทฺวาโช มะหาเถโร สีหะนาทานะมุตตะโม
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระปิณโฑลภารทวาชะมหาเถระ
ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่ง
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้บรรลือสีหนาท
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ93.สังขิตตะภาสิตะมัตถัง วิตถาเรนะ วิชานะโก
กัจจาโน ภะวะนิสฺเนโห เถโร โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระกัจจายนะเถระ ผู้สามารถอธิบายเนื้อความ
ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยสังเขปให้พิสดาร
ผู้ปราศจากความสิเนหาในภพ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ94.ละกุณฏะภัททิโย เถโร มัญชุสสะรานะมุตตะโม
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระลกุณฏกภัททิยะเถระ ผู้อันพระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้
ในตำแหน่งเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ95.อะระณะวิหารินัง อัคโค ทักขิเณยโย อะนุตตะโร
สุภูติ ภูตะทะมะโน เถโร โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสุภูติเถระ เป็นผู้แสดงธรรมแก่สัตว์ตามพุทธดำรัส
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้อยู่ด้วยธรรมอันปราศจากข้าศึก
และเลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ควรรับทักษิณาทาน
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ96.อะรัญญะวาสินัง อัคโค เรวะโต ขะทิระวะนิโย
วิเวกาภิระโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเรวตะ ผู้อาศัยอยู่ในป่าไม้สีเสียด ผู้ยินดีในความวิเวก
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีปกติอยู่ในป่า
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ97.ฌายีนัง อุตตะโม เถโร กังขาเรวะตะนามะโก
สะมาธิฌานะกุสะโล สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า กังขาเรวตะ
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีปกติยินดีในการเข้าฌาน
เป็นผู้ฉลาดในสมาธิและฌาน
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ98.โสโณ จะ โกฬิวีโสปิ อารัทธะวีริยานะมุตตะโม
ปะหิตัตโต สะทา เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน

{แปล} แม้ พระโสณโกฬิวีสะเถระ เป็นผู้มีจิตดิ่งไปในนิพพาน
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ปรารภความเพียร
ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ99.กัลยาณะวากกะระณานัง โสโณ กุฏิกัณโณปิ จะ
อัคโคติ วัณณิโต เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน

{แปล} แม้ พระโสณกุฏิกัณณะเถระ
ผู้อันพระศาสดาทรงสรรเสริญว่า
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้กล่าววาจาไพเราะ
(สาธยายธรรมด้วยเสียงอันไพเราะ)
ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ100.ลาภีนะมุตตะโม เถโร สีวะลิ อิติ วิสสุโต
โส ระโต ปัจจะยาทิมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า พระสีวลิ ผู้มีความสันโดษในปัจจัยสี่
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีลาภ
ขอจงประทานความสวัสดีแก่ข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ101.สัทธาธิมุตตานัง อัคโค วักกะลิ อิติ นามะโก
ปาโมชชะพะหุโล เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า พระวักกลิ เป็นผู้มากด้วยความปราโมทย์
เป็นเลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีศรัทธา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ102.ราหุโล พุทธะปุตโตปิ สิกขากามานะมุตตะโม
ทายาโท สัพพะธัมเมสุ มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} แม้พระเถระนามว่า ราหุละ ผู้เป็นพุทธบุตร
ผู้เป็นทายาทในธรรมทั้งปวง
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มุ่งต่อการศึกษา
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ103.สัทธายะ ปัพพะชิตฺวานะ รัฏฐะปาโล ปะรักกะมี
เอตะทัคเค ฐิโตเยวะ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า รัฏฐะปาละ ผู้มีความเพียรยิ่ง
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้บวชด้วยศรัทธา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ104.กุณฑะธาโน มะหาเถโร สะลากัง ปะฐะมัง คะโต
ฐะปิโตเยวะ ฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระกุณฑธานะมหาเถระ ผู้ถึงซึ่งความเป็นที่หนึ่งในการจับสลาก
จึงดำรงอยู่ในตำแหน่งที่เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ร่วมจับสลาก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ105.ปะฏิภาณะวันตานัมปิ อัคโคติ พุทธะวัณณิโต
วังคีโส อะระหา เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอรหันต์นามว่า วังคีสะเถระ ผู้ประเสริฐ
เป็นผู้ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีปฏิภาณกวี
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ106.สะมันตะปาสาทิกานัง อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต
อุปะเสโน วังคันตะปุตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอุปเสนวังคันตบุตรเถระ
พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุ
ผู้มีบริษัทอันน่าเลื่อมใส
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ107.ทัพโพ มัลละปุตโต เถโร เสนาสะนะปัญญาปะโก
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระทัพพมัลละบุตรเถระ
พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่ง
ที่เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้จัดแจงเสนาสนะ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ108.ปิลินทะวัจฉะสะมะโณ เทวะตานัง ปิโย อะหุ 
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

{แปล} พระปิลินทวัจฉะเถระ
พระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าบรรดาภิกษุทั้งหลาย
ที่เป็นที่รักของเหล่าเทวดา
ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด

۩ﺴ109.พาหิโยทารุจีริโย ขิปปาภิญญานะมุตตะโม
กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา

{แปล} พระพาหิยทารุจีริยะเถระ เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ตรัสรู้เร็ว
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ ความไม่มีโรค และชัยชนะ
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ110.กุมาระกัสสะปัตเถโร จิตตะกะถีนะมุตตะโม
มิจฉาวิตักกุปัจเฉโท สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระกุมารกัสสปะเถระ
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้แสดงธรรมได้อย่างวิจิตร
ผู้สามารถละมิจฉาวิตกได้
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ111.ปะฏิสัมภิทาปัตตานัง อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต
โกฏฐิโต อะระหา เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอรหันต์นามว่า โกฏฐิตะเถระ เป็นผู้ประเสริฐ
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ได้ปฏิสัมภิทา ๔
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ112.อัปปาพาโธ มะหาเถโร อัปปาพาธานะมุตตะโม
พากุโล อะระหาชาโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระพากุละเถระ ผู้เป็นพระอรหันต์
เพราะเหตุที่เป็นผู้มีอาพาธน้อย
จึงเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีอาพาธน้อย
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ113.ปุพเพนิวาสะเวทีนัง อัคโคติ พุทธะวัณณิโต
โสภิโต นามะ โส เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า โสภิตะ ผู้อันพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ระลึกชาติในปางก่อนได้
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ114.มะหากัปปินัตเถโรปิ ภิกขุโอวาทะโก อะหุ
กุสะโล โอวาทะทาเน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} แม้ พระมหากัปปินะเถระ เป็นผู้ให้โอวาทภิกษุ
เป็นผู้เลิศในการให้โอวาท
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ115.ภิกขุโนวาทะกานัคโค นันทะโก อิติ วิสสุโต
ปาเลตุ โน สะทา เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า นันทกะ
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ให้โอวาทแก่นางภิกษุณี
โปรดรักษาพวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ116.อินทฺริเยสุ คุตตะทฺวาโร อัคคัฏฐาเน ฐิโต อะหุ
นันทัตเถโร วะสิปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระนันทะเถระ ผู้ได้วสี (ความชำนาญในการเข้า-ออกฌานสมาบัติ)
เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้สำรวมอินทรีย์
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ117.เตโชธาตุกุสะลานัง อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต 
สาคะโต นามะ โส เถโร โสตถิง ผาสุง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า สาคตะ ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่ง
เป็นผู้เลิศกว่า บรรดาภิกษุผู้ฉลาดในเตโชธาตุ
(เตโชกสิณ คือ กรรมฐานที่เพ่งไฟเป็นอารมณ์)
ขอจงประทานความสวัสดี และความผาสุก
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ118.สัญญาวิวัฏฏะกุสะโล ปะธาโน ภาวะนาระโต
พุทธะสิสโส มะหาปันโถ มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระมหาปันถกะเถระ ผู้ชำนาญในสัญญาวิวัฏฏะ (ได้แก่ วิปัสสนา)
เป็นผู้มีความเพียร มีความยินดีในภาวนา
เป็นศิษย์ของพระศาสดา
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด

۩ﺴ119.จูฬปันถะกัตเถโรปิ มะโนมะยาภินิมมิโต
ฐะปิโต อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} แม้ พระจูฬปันถกะเถระ
ผู้อันพระศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
บรรดาภิกษุผู้นิรมิตกายได้มาก
และในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
บรรดาภิกษุผู้ฉลาดในเจโตวิวัฏฏะ
(คือฉลาดในฌานสมาบัติ)
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ120.ปะฏิภาเณยยะกานัง ตุ อัคคัฏฐานัมหิ ฐะปิโต 
ราโธ เถโร มะหาโสตถิง กะโรตุ โน อะนามะยัง

{แปล} พระราธะเถระ ผู้อันพระพุทธเจ้าตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
บรรดาภิกษุผู้มีปฏิภาณในคำสอน
ขอจงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ และความไม่มีโรค
แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ121.ลูขะจีวะระธะรานัง ภิกขูนัง อุตตะโม อะหุ
โมฆะราชะมะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระโมฆราชะมหาเถระ เป็นผู้เลิศกว่า
บรรดาภิกษุผู้ทรงจีวรที่เศร้าหมอง
(คือผ้าเก่า ผ้าเนื้อหยาบ สีเศร้าหมอง)
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ122.วิมะโล วิมะลัปปัญโญ สุรูโป สุสะมาหิโต
ระโช นะ ลิมปะติ ขันเธ มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระวิมละเถระ ผู้มีปัญญาปราศจากมลทิน
ผู้มีรูปงาม ผู้มีจิตตั้งมั่น กิเลสเพียงดังธุลีไม่ฉาบทาขันธ์ห้าของท่าน
ขอจงประทานซึ่งความสงบอันยิ่งใหญ่ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ123.ธัมมะปาโล มะหาปาโล มะหาธัมมะธะโร ยะติ
มะหาขีณาสะโว โลเก มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า ธัมมปาละ ผู้รักษาธรรมอันประเสริฐ
ผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมอันประเสริฐ ผู้เป็นพระมหาขีณาสพในโลก
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ124.จักขุปาโล มะหาเถโร ปะธาโน สีละสังวุโต
ปะหิตัตโต มะหากาโย มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระจักขุปาละมหาเถระ ผู้มีความเพียร ผู้สำรวมแล้วในศีล
ผู้มีจิตดิ่งไปในนิพพาน ผู้มีรูปกายอันประเสริฐ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ125.สัพพะเวระภะยาตีโต นาระโท อาสะวักขะโย
มะหาสันติกะโร โลเก สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระนารทะเถระ ผู้ก้าวล่วงเวรและภัยทั้งปวงแล้ว สิ้นอาสวะแล้ว
กระทำความสงบอันประเสริฐในโลก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ126.พุทธะปูชายะ นิระโต ชินะภัตติปะรายะโน
สัทธัมมะสะวะโน เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสัทธัมมสวนะเถระ ผู้ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้า
มีความภักดีในพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ127.ปัจฉิมะภะวะสัมปัตโต โคตะโม ภาวะนาระโต
ราคักขะยะมะนุปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระโคตมะเถระ ผู้เข้าถึงภพสุดท้ายแล้ว
ยินดีในภาวนาถึงความสิ้นไปแห่งราคะ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ128.เสนาสะเนสุ สัปปายัง ลัทธา ฌานัง สะมาระภิ
โคธิโก พุทธะฌายันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระโคธิกะเถระ เมื่อเพ่งความตรัสรู้
ได้เสนาสนะที่สัปปายะแล้ว จึงได้บำเพ็ญฌาน
ท่านเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงทำฌาปนกิจให้ในเวลาปรินิพพาน
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ129.พุทเธ ปะสันนะมานะโส สุพาหุ อัญชะลีกะโต
ขีณาสะโว วะสีภูโต มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระสุพาหุ ผู้มีใจเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
เคยกระทำอัญชลีมาแล้ว ๙๔ กัป
เป็นพระอรหันต์ผู้มีความชำนาญในฌานสมาบัติ
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ130.วิปัสสะนายะ ปะสุโต วัลลิโย สุสะมาหิโต
สะโต ฌายี วะเนวาสี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระวัลลิยะเถระ ผู้ขวนขวายในวิปัสสนากรรมฐาน
มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว มีสติ ได้ฌาน มีปกติอยู่ป่า
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ131.อุตติโย วินะยะธะโร อะติกกันโต นะรามะเร
ธาเรนโต อันติมัง เทหัง สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอุตติยะเถระ ผู้ทรงพระวินัย
ผู้เป็นจอมแห่งหมู่มนุษย์และทวยเทพ
ผู้ทรงร่างกายอันมีในที่สุด
(คือสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีการเกิดต่อไปอีก)
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ132.วิมะโล วิระโชชัลโล ชาโต ปัณฑะระเกตุนา
พิมพิสารัทธะโช เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระวิมลโกณฑัญญะเถระ
ผู้บังเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร
ผู้มีวัตรปฏิบัติอันขาวสะอาด
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ133.รัมมารัญเญ วะสิตฺวานะ ภาเวนโต กุสะลัง พะหุง
โยคักเขมะมะนุปปัตโต สะภิโย สันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระสภิยะเถระ ผู้อยู่ในป่าอันน่ารื่นรมย์ เจริญกุศลเป็นเอนก
บรรลุพระนิพพานอันเป็นที่สิ้นไปแห่งโยคะ
(คือกิเลสอันเป็นเครื่องผูกสัตว์ไว้ในสังสารวัฏ)
ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ134.ปุพเพนิวาสัง ชานันโต ทิพพะจักขุวิโสธะโน
นาคิโตระหะตัง ปัตโต โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

พระนาคิตะเถระ ผู้ระลึกชาติในปางก่อนได้
ผู้มีทิพจักษุอันบริสุทธิ์ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว
ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ135.ปาติโมกขะมะนุปปัตโต วิชะโยรัญญะโคจะโร
ลาภาลาภี ตะถาสังสี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระวิชยะมหาเถระ ผู้เข้าถึงปาติโมกข์สังวรศีล
ผู้มีป่าเป็นที่โคจร ผู้มีปกติกล่าวสรรเสริญ ตามที่ตนได้ปัจจัยมา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ136.ตัณหาชะฏัง วิชะเฏตฺวา วัฑเฒตฺวานะ วิปัสสะนัง
สังฆะรักขิโต มะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน

พระสังฆรักขิตะมหาเถระ
ผู้ถางรกชัฏคือตัณหา ยังวิปัสสนาให้เจริญ
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ137.อรัญญะวาสาภิระโต ภะวะเนตติสะมูหะโต
ธัมมานัง ปาระมิปปัตโต อุตตะโร ปาตุ โน ภะยา

พระอุตตระเถระ ผู้ยินดียิ่งในการอยู่ป่า ผู้ถอนตัณหา
อันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว
บรรลุถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งหลายคือ มรรค ผล นิพพาน
ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้า ให้พ้นจากภัยเถิด

۩ﺴ138.ปุพเพ ปุญญานิ กัตฺวานะ ปุพพะโยคัง สะมาระภิ
อุสะโภระหะตัง ปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระอุสภะเถระ ผู้กระทำบุญทั้งหลายไว้ในกาลก่อนแล้ว
ปรารภกรรมฐานอันเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งอริยมรรค
รรลุความเป็นพระอรหันต์
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ139.สะมาปัตติสะมาปันโน ฉะฬะภิญโญ มะหิทธิโก
สิวะโก พุทธะฌายันโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระสิวกะเถระ ผู้ถึงพร้อมด้วยสมาบัติ มีอภิญญาหก มีฤทธิ์มาก
เป็นผู้พิจารณาตัณหา ดังที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ140.สัตตาริยะธะโน เถโร ธะนิโย ธัมมะสาคะโร
วันตะสังสาระคะมะโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระธนิยะเถระ ผู้มีอริยทรัพย์เจ็ดประการ
ผู้เป็นดุจทะเลแห่งธรรม ผู้สำรอกกิเลส
อันเป็นเหตุท่องเที่ยวในสังสารวัฏได้แล้ว
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ141.ปัญจักขันเธ ปะริญญายะ ภาวะยิตฺวานะ นิพพุติง
ปัตตฺวานะ ปะระมัง สันติง โปสิโย ปาตุ โน ภะยา

พระโปสิยะเถระ ผู้กำหนดรู้เบญจขันธ์แล้ว
เสวยอรหัตผลสมาบัติ เข้าถึงพระนิพพานอันประเสริฐ
ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยเถิด

۩ﺴ142.อุปะนิสสะยะสัมปันโน อุชชะโย พุทธะมามะโก
โลกัตถะปะสุโต เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระอุชชยะเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยธรรมอันเป็นเหตุออกจากวัฏฏะ
ผู้นับถือพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ขวนขวายประโยชน์เพื่อชาวโลก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ143.พุทธัปปะสาทะสัมปันโน ปัพพะชี ชินะสาสะเน
สัญชะโย นามะ โส เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระเถระนามว่า สัญชยะ ผู้ถึงพร้อมด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
บวชแล้วในศาสนาของพระพุทธเจ้า
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ144.มารัญชะโย มะหาเถโร รามะเณยโย มะหิทธิโก
นิพพานะนินนะจิตโต โส สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระมหาเถระนามว่า มารัญชยะ ผู้มีฤทธิ์มาก
และพระมหาเถระนามว่า รามะเณยยะ
เป็นผู้มีจิตดิ่งสู่พระนิพพาน
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ145.อุโภ ปาปัญจะ ปุญญัญจะ วีติวัตโต อะนาสะโว
วีรัตเถโรระหัปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

พระวีระเถระ ผู้ข้ามพ้นบาปและบุญทั้งสองประการแล้ว
ผู้ไม่มีอาสวะ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ146.ปุณณะมาสะมะหาเถโร ปังสุกูละธะโร ยะติ
ปุพพะกิจจะวิธิง กัตฺวา มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระปุณณมาสะมหาเถระ เป็นผู้ทรงผ้าบังสุกุล
กระทำบุพพกิจเบื้องต้นแล้ว
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ147.ปัญจะฉินโน ปัญจะชะโห ปัญจะจุตตะริภาวะโน
ปัญจะสังคาติโค เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระปัญจสังคาติคเถระ
ผู้ข้ามพ้นกิเลสเป็นเครื่องข้อง (นิวรณ์) ๕ อย่าง
ผู้ตัดโอรัมภาคิยะสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องต่ำ) ๕ อย่างได้แล้ว
ผู้ละอุทธัมภาคิยะสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องสูง) ๕ อย่างได้แล้ว
ผู้เจริญอินทรีย์ ๕ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ148.ปุพเพ ราคัง วิจาเรนโต ชินะภัตติปะรายะโน
เพลัฏฐะสีโส วังสะธะโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเพลัฏฐสีสะเถระ ผู้เคยจัดแจงการบูชายัญในกาลที่ตนเป็นฤษี
ผู้ถวายความภักดีต่อพระพุทธเจ้า
ผู้ทรงไว้ซึ่งวงศ์แห่งอริยะ
(วงศ์แห่งอริยะคือสันโดษในจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
และยินดีในการภาวนา)
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ149.ปัญจุปปันนานิ อะภะโย นิกันติ นัตถิ ชีวิเต
อะชิโต โส มะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระมหาเถระนามว่า อชิตะ ผู้ไม่มีความกลัวภัย ๕ อย่าง
(ราชภัย โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย) ที่กำลังเกิดขึ้น
ผู้ไม่มีความเยื่อใยในชีวิต
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ150.วิวัฏฏะนิสสะเย ปุญเญ กัตฺวา สัมพุทธะภัตติมา
กุลลัตเถโรระหัปปัตโต มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระกุลละเถระ ผู้มีความภักดีในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ได้กระทำบุญบารมี อันมีนิพพานเป็นที่รองรับ
บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ151.วิปัสสี ธัมมะทายาโท เถโร นิโคฺรธะนามะโก
นิพพานาคะมะสันทิฏโฐ สะทา สันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า นิโครธะ ผู้มีปกติเจริญวิปัสสนา
ผู้เป็นธรรมทายาท เป็นผู้ได้ประจักษ์แจ้งธรรมที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน
ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ152.ติสโส วิชชา อะนุปปัตโต สุคันโธ นามะ โสระหา
สัพพะปาปะปะริกขีโณ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอรหันต์นามว่า สุคันธะ ได้บรรลุวิชชาสาม
เป็นผู้หมดสิ้นจากบาปทั้งปวง
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ153.นันทิโย สัทธาสัมปันโน ชิตะกเลโส มะหาเถโร
อะภิญญาปาระมิปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระนันทิยะมหาเถระ ผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
ผู้ชนะกิเลสทั้งปวง ผู้ถึงที่สุดแห่งอภิญญา
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ154.กิเลสา ฌาปิตา เยนะ ชิตะธัมมะระเตนะ โส
กัมมาระปุตตะวิมะโล สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระรูปใด เป็นบุตรของนายช่างทอง
เป็นผู้ยินดีในธรรมอันเป็นเครื่องพิชิตมาร
ชนะกิเลสด้วยมรรคญาณแล้ว
พระเถระนั้นนามว่า วิมละ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ155.เทวะโลกะมะนุสเสสุ อะนุภุตฺวา วิภูติโย
ติสสัตเถโร มะหาภูโต มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระติสสะเถระ เสวยสมบัติในเทวโลกและมนุษย์โลกแล้ว
สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ156.สุวิมุตโต มะหานาโค ตีหิ วังเกหิ มุตตะโก
สุมังคะโล มะหาเถโร มะหาสันติง กะโรตุ โน

{แปล} พระสุมังคละมหาเถระ ผู้หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว
เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
พ้นแล้วจากความคดกาย วาจา ใจทั้งสาม
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ157.นิรัคคะโฬ นิราสาโส มะละขีละวิโสธะโน
วิเวกาภิระโต คุตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระมหาเถระนามว่า คุตตะ ผู้ปราศจากลิ่มคืออวิชชา
ผู้ปราศจากกิเลสคือความอยาก
ผู้ชำระมลทินได้ทั้งหมด ผู้ยินดีในความวิเวก
โปรดประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ158.ปะวิเวกะมะนุปปัตโต คิริมานันทะนามะโก
ภาเวนโต กุสะเล ธัมเม สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระนามว่า คิริมานันทะ เจริญกุศลธรรมทั้งหลายอยู่
ได้บรรลุวิเวก ๓ แล้ว (กายวิเวก จิตวิเวก อุปธิวิเวก)
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ159.พุทธะสาสะนะมารัทโธ สะมิทธิ ภาวะนาระโต
สะมิทธิคุณะสัมปันโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสมิทธิเถระ ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ยินดีในภาวนา
ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณ อันเป็นเหตุแห่งความสำเร็จ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ160.อาราธิตะชิโน สันโต โชติตเถโร มะหาระหา
วิมุตโต สัพพะสังสารา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระโชติตเถระ ผู้ชนะตัณหา อันเป็นเหตุให้ยินดีได้แล้ว
เป็นผู้สงบ เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
หลุดพ้นแล้วจากสังสาระทั้งปวง
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ161.เสนาสะนานิ ปันตานิ เสวันโต ฌานะมาระภิ
ฉะฬะภิญโญ มะหาจุนโท สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระมหาจุนทะเถระ
อาศัยเสนาสนะอันสงัดอยู่ เข้าฌาน ได้อภิญญา ๖
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ162.ฉันนัตเถโร สะหะชาโต สุณันโต ชินะสาสะนัง
โยคักเขมะมะนุปปัตโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระฉันนะเถระ ผู้เป็นสหชาตกับพระพุทธเจ้า
เมื่อเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ได้บรรลุธรรมอันเป็นแดนเกษมจากโยคะ (คือพระนิพพาน) แล้ว
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ163.เมฆิโย พุทธุปปัฏฐาโก ชินะภัตติปะรายะโน
มิจฉาวิตักกุปัจเฉโท สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเมฆิยะเถระ ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า
ผู้มีความภักดี ในพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ตัดมิจฉาวิตกคือความดำริผิดได้แล้ว
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ164.อุปะวาโณ มะหาเถโร มะหากาโย มะหาระหา
มะหิทธิโก มะหาเตโช สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอุปวาณะ ผู้เป็นมหาเถระ มีร่างกายใหญ่
เป็นพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.

۩ﺴ165.สังกิจโจ โจระทะมะโน สัพพะสังโยชะนักขะโย
ปาเลตุ โน สัพพะภะยา โสตถฺยาโรคฺยัง ทะทาตุ โน

{แปล} พระสังกิจจะเถระ ผู้ฝึกโจรห้าร้อย
สิ้นสังโยชน์คือกิเลส เครื่องผูกสัตว์ไว้ในสังสารวัฏแล้ว
ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง
ขอจงประทานความสวัสดี และความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด

۩ﺴ166.ปัญหะพฺยากะระเณ เฉโก เมตตาฌานะระโต ยะติ
โสปาโกปายะสัมปันโน สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระโสปากะเถระ
เป็นภิกษุผู้ฉลาดในการทูลตอบปัญหาของพระพุทธเจ้า
ผู้ยินดีในฌานอันประกอบด้วยเมตตา
ผู้ถึงพร้อมด้วยอุบาย เพื่อให้ได้มรรคผล
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ167.เขตตะสัมปัตติสัมปัตโต วัฑฒะมาโนวะ โสตถินา
สุมะโน อะระหา ชาโต สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสุมนะเถระ ผู้สมบูรณ์ด้วยกาลเวลา
อันสมควรที่จะบรรลุธรรม
ผู้เจริญเติบโตด้วยความสุข เป็นพระอรหันต์แล้ว
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ168.ปิโย เทวะมะนุสสานัง สานุตเถโร พะหุสสุโต
เมตตาฌายี ตะโมฆาตี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสานุเถระ ผู้เป็นที่รักของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ผู้เป็นพหูสูต ผู้มีปกติเข้าฌานประกอบด้วยเมตตา
ผู้ทำลายความมืดคือโมหะ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ169.โย จะ ปุพเพ กะตัง ปาปัง กุสะเลนะ ปิธียะติ
อังคุลิมาโล โส เถโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถระใด ได้เคยทำบาปมาก่อน
เป็นผู้ตัดบาปอกุศลได้ด้วยอริยมรรค
พระเถระนั้นนามว่า องคุลีมาละ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ170.วิปัสสะนาธุรา เยปิ เถรา สะมะถะยานิกา
ขีณาสะวา มะหาเตชา มะหาตะมะวิโนทะนา

{แปล} พระเถระแม้เหล่าใด ผู้สิ้นอาสวะ ผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่
ผู้ขจัดความมืดมิดคือโมหะ ผู้เจริญวิปัสสนาเป็นธุระก็ดี
พระเถระเหล่าใด ผู้เป็นสมถยานิกะก็ดี

۩ﺴ171.ฌานิกาฌานิกา เยปิ ธัมมาภิสะมะยาทะโย
สัพเพ โสตถิง สะทา เทนตุ ชะยะมาโรคฺยะมายุ โน

{แปล} และพระเถระเหล่าใด ผู้ได้ฌานและไม่ได้ฌานก็ดี
พระเถระเหล่าใด ผู้ถูกกำหนดด้วยการบรรลุอริยสัจธรรมก็ดี
ขอพระเถระทั้งปวง ที่กล่าวมาแล้วนี้
จงประทานความสวัสดี ชัยชนะ ความไม่มีโรค และอายุ
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ172.รัตตัญญูนัง ภิกขุนีนัง โคตะมี ชินะมาตุจฉา
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระโคตมีเถรี ผู้เป็นพระน้านางของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีผู้รู้ราตรี
ขอพระเถรี ได้โปรดประทานความสวัสดี
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ173.มะหาปัญญานะมัคคัฏฐา เขมาเถรีติ ปากะฏา
สาวิกา พุทธะเสฏฐัสสะ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน

{แปล} พระพุทธสาวิกาผู้ประเสริฐสุด ปรากฎนามว่า พระเขมาเถรี
ผู้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีปัญญามาก
ขอพระเถรีจงประทานความสวัสดี
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ174.เถรี อุปปะละวัณณา จะ อิทธิมันตีนะมุตตะมา
สาวิกา พุทธะเสฏฐัสสะ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระอุบลวรรณาเถรี เป็นพุทธสาวิกาผู้ประเสริฐสุด
เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีฤทธิ์
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ175.วินะยัทธะรีนัง อัคคา ปะฏาจาราติ วิสสุตา
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถรีผู้ปรากฏชื่อว่า พระปฏาจารา
พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ทรงพระวินัย
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ176.ธัมมักกะถิกะปะวะรา ธัมมะทินนาติ นามิกา
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถรีผู้มีนามว่า ธัมมทินนา
พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้เป็นธรรมกถึก
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ177.ฌายิกานัง ภิกขุนีนัง นันทาเถรีติ นาเมสา
อัคคัฏฐาเน ฐิตา อะหุ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระสาวิกานามว่า นันทาเถรี
เป็นผู้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีฌาน
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ178.อารัทธะวีริยานัง อัคคา โสณาเถรีตินามิกา
ฐะปิตา ตัตถะ ฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถรีนามว่า โสณา
พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณี
ผู้ปรารภความเพียร
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ179.ทิพพะจักขุกานัง อัคคา พะกุลา อิติ วิสสุตา
วิสุทธะนะยะนา สาปิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระเถรีผู้ปรากฏชื่อว่า พกุลา เป็นผู้มีจักษุอันบริสุทธิ์
เป็นผู้เลิศกว่าเหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีตาทิพย์
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ180.กุณฑะละเกสี ภิกขุนี ขิปปาภิญญานะมุตตะมา
ฐะปิตาเยวะ ฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} ภิกษุณีชื่อว่า กุณฑละเกสี
พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้แล้วในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ตรัสรู้เร็ว
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ181.เถรี ภัททะกาปิลานี ปุพพะชาติมะนุสสะรี
ตาสังเยวะ ภิกขุนีนัง อัคคา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระภัททกาปิลานีเถรี ผู้ระลึกถึงชาติในปางก่อนได้
เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ระลึกชาติปางก่อนได้
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด.

۩ﺴ182.เถรี ตุ ภัททะกัจจานา มะหาภิญญานะมุตตะมา
ชิเนนะ สุขะทุกขัง สา สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} พระภัททกัจจานาเถรี (พระนางยโสธรา)
ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นคู่บารมีกับพระชินเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระนางไว้ในตำแหน่ง เป็นผู้เลิศกว่า
เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้มีอภิญญาอันพิเศษ
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ183.ลูขะจีวะระธารีนัง อัคคา กิสาปิ โคตะมี
ฐะปิตา อัคคัฏฐานัมหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน

{แปล} แม้ พระกิสาโคตมี พระศาสดาตั้งไว้ในตำแหน่ง
เป็นผู้เลิศกว่า เหล่าบรรดาภิกษุณีผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ184.สิงคาละมาตา ภิกขุนี สัทธาธิมุตตานะมุตตะมา
กะโรตุ โน มะหาสันติง อาโรคฺยัญจะ สุขัง สะทา

{แปล} พระสิงคาลมาตาภิกษุณี
เป็นผู้ประเสริฐสุดแห่งเหล่าภิกษุณีผู้มากด้วยศรัทธา
ขอจงประทานความสงบอันประเสริฐ
ความไม่มีโรค และความสุข แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

۩ﺴ185.อัญญา ภิกขุนิโย สัพพา นานาคุณะธะรา พะหู
ปาเลนตุ โน สัพพะภะยา โสกะโรคาทิสัมภะวา

{แปล} พระภิกษุณีเหล่าอื่นทั้งปวงเป็นจำนวนมาก
ผู้ทรงคุณธรรมต่าง ๆ กัน
ขอจงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง
อันเกิดจากความเศร้าโศก และโรคเป็นต้น

۩ﺴ186.โสตาปันนาทะโย เสกขา สัทธาปัญญาสีลาทิกา
ภาคะโส กเลสะทะหะนา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน

{แปล} พระภิกษุณีทั้งหลาย ผู้เป็นพระเสขบุคคลมีพระโสดาบันเป็นต้น
เป็นผู้ยิ่งยวดด้วยศรัทธา ปัญญา และศีล
เป็นผู้เผากิเลสได้เป็นบางส่วน
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

 

(พญานาค)

۩ﺴ187.สุมะโน สุมะนะจะโล อะระวาเฬระปัตตะโก
จัมเปยโย มุจะลินโท จะ กัมพะโล ภุชะคิสสะโร

{แปล} สุมนะนาคราช สุมนจละนาคราช อรวาฬะนาคราช
เอฬปัตตกะนาคราช จัมเปยยะนาคราช มุจลินทะนาคราช
กัมพละนาคราช ผู้เป็นใหญ่แห่งนาคราช

۩ﺴ188.กาละนาโค มะหากาโฬ สังขะปาโล มะโหทะโร
มะณิกัณโฐ มะณิอักขิ นันทะนาโคปะนันทะโก

{แปล} กาละนาคราช มหากาฬะนาคราช สังขปาละนาคราช
มโหทระนาคราช มณิกัณฐะนาคราช มณิอักขินาคราช
นันทะนาคราช อุปนันทะนาคราช

۩ﺴ189.วะรุโณ ธะตะรัฏโฐ จะ กุงคุวิโลปะลาละโก
จิตฺระนาโค มะหาวีโร ฉัพฺยาปุตโต จะ วาสุกี

{แปล} วรุณะนาคราช ธตรัฏฐะนาคราช กุงคุวิละนาคราช
อปลาลกะนาคราช จิตระนาคราช มหาวีระนาคราช
ฉัพยาปุตตะนาคราช วาสุกีนาคราช

۩ﺴ190.กัณหาโคตะโม ภุชะคินโท อัคคิธูมะสิโข ตะถา
จูโฬทะโร อะหิจฉัตโต นาคา เอราปะถาทะโย

{แปล} กัณหาโคตมะนาคราช นาคผู้เป็นจอมนาค
อัคคิสิขะนาคราช ธูมะสิขะนาคราช อหิจฉัตตะนาคราช
จูโฬทระนาคราช พญานาคทั้งหลาย มีเอราปะถะนาคราชเป็นต้น

۩ﺴ191.อาสีวิสา โฆระวิสา เย สัพเพ นะยะนาวุธา
ชะลัฏฐา วา ถะลัฏฐา วา ปัพพะเตยยา นะทีจะรา
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง อายุมาโรคิยัง สะทา

{แปล} หมู่นาคราชทั้งปวงเหล่าใด
เป็นนาคราชมีพิษร้ายแรง (คือพิษแล่นไปเร็ว)
มีพิษน่าสพึงกล้ว มีนัยน์ตาเป็นอาวุธ
ดำรงอยู่ในน้ำ ดำรงอยู่บนบก ดำรงอยู่ที่ภูเขา
หรือว่าเที่ยวไปในนที
ขอนาคราชทั้งปวงเหล่านั้น
จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ
ความมีอายุ และความไม่มีโรค
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

(เปรต)
۩ﺴ192.นิชฌามะตัณหิกา เปตา อุสุสัตติ จะ โลมะกา
มังสะปิณฑาทะโย เปตา เปตา เวมานิกาทะโย
ปาเลนตุ โน สัพพะภะยา สะทา เต สุขิโน สะทา

{แปล} นิชฌามตัณหิกะเปรต อุสุโลมกะเปรต
สัตติโลมกะเปรต มังสปิณฑะเปรตเป็นต้น เวมานิกะเปรตเป็นต้น
ขอเปรตทั้งหลายเหล่านั้นจงมีความสุขในกาลทุกเมื่อ
จงรักษาพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง ในกาลทุกเมื่อเถิด

 

( อสูร )

۩ﺴ193.เย ปะหาราทะสัมพะระ พะลฺยาสุระคะณา จะ เย 
เวปะจิตตาสุระคะณา จันทาสุระคะณาทะโย
 
{แปล} หมู่อสูรเหล่าใด คือ หมู่ปหาราทะอสูร หมู่สัมพะระอสูร 
หมู่พลิอสูร หมู่เวปจิตตะอสูร หมู่จันทะอสูรเป็นต้น
 
۩ﺴ194.สัพเพ เตปิ มะหาเตชา ภูตะยักขะนิวาระณา 
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา
 
{แปล} แม้หมู่อสูรเหล่านั้นทั้งปวง มีเดชมาก 
ผู้สามารถป้องกันภูตและยักษ์ 
ขอจงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ 
ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

( เทวดา )

۩ﺴ195.เย ยักขา สัตตะสะหัสสา ภุมมา กาปิละวัตถุกา 
อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน
 
{แปล} ยักษ์ผู้เป็นภุมมเทวดาเจ็ดพันตนเหล่าใด 
อยู่ในเมืองกบิลพัสดุ์ มีฤทธิ์ มีความเจริญรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวารมาก
 
۩ﺴ196.สัพเพ ติสะระณา ยักขา มะเหสักขา ชุตินธะรา 
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง อาโรคฺยัญจะ ชะยัง สะทา
 
{แปล} ยักษ์(เทวดา)ทั้งปวง ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง 
มีศักดิ์ใหญ่ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง 
ขอยักษ์เหล่านั้น จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ 
ความไม่มีโรค และชัยชนะ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ197.ฉะสะหัสสา เหมะวะตา ยักขา นานัตตะวัณณิโน 
พุทธะปูชายะ นิระตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน.
 
{แปล} ยักษ์(เทวดา)หกพันตน อยู่ที่เขาเหมวตา 
มีผิวพรรณวรรณะต่าง ๆ กัน ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้า 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ198.สาตาคิรา ติสะหัสสา ยักขา นีลาทิวัณณิโน 
นานาปะภายะ สัมปันนา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ยักษ์(เทวดา)สามพันตน อยู่ที่เขาสาตาคีรี 
มีผิวพรรณ วรรณะสีเขียวเป็นต้น ผู้สมบูรณ์ด้วยรัศมีต่าง ๆ 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ199.เวสสามิตตา ปัญจะสะตา ยักขา นานัตตะวัณณิโน 
อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน 
โมทะมานา อะภิกกามุง สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ยักษ์(เทวดา)ห้าร้อยตน 
อยู่ที่เขาเวสสามิตตะมีผิวพรรณวรรณะต่าง ๆ กัน 
มีฤทธิ์ มีความรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวาร บันเทิงอยู่ มาชุมนุมกัน 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ200.กุมภีโร ราชะคะหิโก เวปุลลัสสะ นิเวสะนัง 
ภิยโย นัง สะตะสะหัสสัง ยักขานัง ปะยิรุปาสะติ 
โส ยักเขหิ ปะริวาโร สะทา โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} เทวดาชื่อว่า กุมภีระ อยู่ในพระนครราชคฤห์ 
วิมานของท้าวเธอนั้น ได้แก่ยอดเขาเวปุลละ 
ท้าวเธอนั้น เป็นผู้อันหมู่ยักษ์หลายแสนตนเข้ามาปรนนิบัติรับใช้ 
ขอท้าวกุมภีระผู้มียักษ์เป็นบริวารนั้น 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ201.ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ 
คันธัพพานัง อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
 
{แปล} ท้าวมหาราชนามว่า ธตรัฏฐะ ปกครองอยู่ในทิศบูรพา 
เป็นอธิบดีของพวกคนธรรพ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
 
۩ﺴ202.ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา 
โส ราชา สะหะ ปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมาก 
ขอท้าวธตรัฏฐะกับบุตรทั้งหลาย 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ203.ทักขิณัญจะ ทิสัง ราชา วิรุฬโห ตัง ปะสาสะติ 
กุมภัณฑานัง อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
 
{แปล} ท้าวมหาราชนามว่า วิรุฬหก ปกครองอยู่ในทิศทักษิณ 
เป็นอธิบดีของพวกกุมภัณฑ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
 
۩ﺴ204.ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา 
วิรุฬโห สะหะ ปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ มีกำลังมาก 
ขอท้าววิรุฬหกะกับบุตรทั้งหลาย 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ205.ปัจฉิมัญจะ ทิสัง ราชา วิรูปักโข ปะสาสะติ 
นาคานัญจะ อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
 
{แปล} ท้าวมหาราชนามว่า วิรูปักข์ 
ปกครองอยู่ในทิศปัจฉิมเป็นอธิบดีของพวกนาค ท้าวเธอมีบริวารมาก
 
۩ﺴ206.ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา 
วิรูปักโข สะปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมาก นามว่า อินทะ 
มีกำลังมากขอท้าววิรูปักข์กับบุตรทั้งหลาย 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ207.อุตตะรัญจะ ทิสัง ราชา กุเวโร ตัง ปะสาสะติ 
ยักขานัญจะ อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส
 
{แปล} ท้าวมหาราชนามว่า กุเวระ ปกครองอยู่ในทิศอุดร 
เป็นอธิบดีของพวกยักษ์ ท้าวเธอมีบริวารมาก
 
۩ﺴ208.ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา 
กุเวโร สะหะ ปุตเตหิ สะทา โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} แม้บุตรของท้าวเธอก็มีมากนามว่า อินทะ มีกำลังมาก 
ขอท้าวกุเวระกับบุตรทั้งหลาย 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ209.ปุริมัง ทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก 
ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง
 
{แปล} ท้าวธตรัฏฐะ ประจำอยู่ในทิศบูรพา ท้าววิรุฬหก 
ประจำอยู่ในทิศทักษิณ ท้าววิรูปักขะ ประจำอยู่ในทิศปัจฉิม 
ท้าวกุเวระ ประจำอยู่ในทิศอุดร
 
۩ﺴ210.จัตตาโร เต มะหาราชา สะมันตา จะตุโร ทิสา 
ทัททัฬหะมานา อัฏฐังสุ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ท้าวมหาราชทั้งสี่ ผู้รุ่งเรืองดุจประทีป 
ประจำอยู่ในทิศทั้งสี่โดยรอบ 
ขอท้าวเธอจงประทานความสวัสดี 
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ211.เตสัง มายาวิโน ทาสา อาคุง วัญจะนิกา สะฐา 
มายา กุเฏณฑุ วิเฏณฑุ วิตุจจะ วิตุโฏ สะหะ
 
{แปล} พวกบ่าวของท้าวมหาราชทั้งสี่เหล่านั้น 
ล้วนเป็นผู้มีมายาหลอกลวงเจ้าเล่ห์ 
ได้แก่บ่าว ชื่อกุเฏณฑุก็ดี ชื่อวิเฏณฑุก็ดี ชื่อวิตุจจะก็ดี ชื่อวิตุฏะก็ดี
 
۩ﺴ212.จันทะโน กามะเสฏโฐ จะ กินนุฆัณฑุ นิฆัณฑุ จะ 
ปะนาโท โอปะมัญโญ จะ เทวะสูโต จะ มาตะลิ
 
{แปล} ชื่อจันทนะก็ดี ชื่อกามเสฏฐะก็ดี ชื่อกินนุฆัณฑุก็ดี 
ชื่อนิฆัณฑุและปนาทะเทวดาก็ดี ชื่อโอปมัญญะเทวดาก็ดี 
เทพสารถีชื่อว่ามาตลิก็ดี ต่างก็มาแล้วสู่ที่ชุมนุม
 
۩ﺴ213.จิตตะเสโน จะ คันธัพโพ นะโฬราชา ชะเนสะโภ 
วะโร ปัญจะสิโข เจวะ ติมพะรู สูริยะวัจฉะสา
 
{แปล} เทพคนธรรพ์ชื่อว่าจิตตะเสนะ ชื่อว่านโฬราชะ 
ชื่อว่าชเนสภะ ชื่อว่าปัญจสิขะ 
(ผู้ปรารถนาให้ได้นางสุริยวัจฉสาเทพธิดา) 
ชื่อว่าติมพรู ชื่อว่าสุริยวัจฉสาเทพธิดา (ผู้เป็นบุตรีของท้าวติมพรู)
 
۩ﺴ214.เอเต จัญเญ จะ ราชาโน คันธัพพา จะ มะหัพพะลา 
โมทะมานา สะทา โสตถิง โน กะโรนตุ อะนามะยัง
 
{แปล} ขอพระราชาทั้งหลาย เทพคนธรรพ์เหล่านี้ และเทพเหล่าอื่น 
ผู้มีกองกำลังมหาศาล บันเทิงอยู่ 
จงประทานความสวัสดีและความไม่มีโรค 
แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ215.มะหันตา นาคะสา นาคา เวสาลา สะหะ ตัจฉะกา 
กัมพะลัสสะตะรา จาปิ เมรุปาทะสิตา พะลา
 
{แปล} เหล่านาคผู้อาศัยอยู่ในสระน้ำชื่อว่า นาคสะ จำนวนมาก 
พร้อมกับบริวารของท้าวตัจฉกะ 
และนาคผู้อาศัยอยู่ในนครเวสาลี 
และกัมพละนาคราช อัสสตระนาคราช 
ผู้มีพละกำลังผู้อาศัยอยู่ที่เชิงเขาสุเมรุ
 
۩ﺴ216.ยามุนา ธะตะรัฏฐา จะ สัพเพ นาคา ยะสัสสิโน 
เอราวะโณ มะหานาโค โน กะโรนตุ อะนามะยัง
 
{แปล} นาคผู้อยู่ในแม่น้ำยมุนา และนาคชื่อว่าธตรัฏฐะ 
และนาคทั้งหลายทั้งปวง ผู้มีบริวารเป็นจำนวนมาก 
และท้าวเอราวัณผู้มีชื่อว่ามหานาค 
จงประทานความไม่มีโรค แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ217.มะหิทธิกา สุปัณณา เย นาคะราเช มะหัพพะเล 
คะเหตฺวา ชินะเขตเตวะ ปักขันทิงสุ นะเภ พะลา 
เต พุทธะสะระณา สัพเพ โสตถิง กะโรนตุ โน สะทา
 
{แปล} ครุฑเหล่าใด เป็นผู้มีฤทธิ์เดช ผู้ทรงพลัง 
จับนาคราชผู้ทรงพลังในแดนที่ตนชนะนั่นเทียว แล้วบินไปในท้องฟ้า 
ครุฑทั้งปวงเหล่านั้น เป็นผู้นับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ218.ปะฐัพฺยาโป จะ เตโช จะ วาโย เทวา มะหิทธิกา 
อุปะจาเรนะ นิพพัตตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} เทวดาชื่อว่า ปฐวี อาโป เตโช และวาโย ผู้มีฤทธิ์มาก 
บังเกิดด้วยอุปจารฌานของตน ๆ 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ219.วะรุณา วาระณา เทวา โสโม จะ ยะสะสา สะหะ 
เมตตาการุณิกา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} วรุณะเทพ วารณาเทพ โสมะเทพ 
พร้อมทั้งยะสะเทพ เมตตาเทพ กรุณาเทพ 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ220.ปัณณาสะโยชะนายาเม วิมาเน ระตะนามะเย 
ฐิโต ตะเม วิหันตฺวานะ สูริโย โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} สุริยะเทพบุตร ผู้อาศัยอยู่ในสุริยะวิมาน 
ที่สำเร็จด้วยรัตนะซึ่งมีความยาวห้าสิบโยชน์ 
ขอจงทำลายความมืด แล้วประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ221.จันโท สีตะกะโร โลเก ปะภายุชชะลิโตทะโย 
มะหันธะการะวิทธังสี สะทา โสตถิง กะโรตุ โน
 
{แปล} จันทะเทพบุตร ผู้ประทานความร่มเย็นแก่ชาวโลก 
ส่องสว่างปรากฏขึ้น ด้วยรัศมี มีปกติทำลายความมืดมน 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ222.เวณฑุ จะ สะหะสี เทวา อะสะมา จะ ทุเว ยะมา 
จันทัสสูปะนิสา เทวา เทวา สูริยะนิสสิตา 
พุทธัสสะ มามะกา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} เวณฑุเทพ สหสีเทพ อสมะเทพ ยมะเทพทั้งสอง 
เทพผู้อาศัยจันทะเทพบุตร เทพผู้อาศัยสุริยะเทพบุตร 
และเทพทั้งหลายทั้งปวง ผู้นับถือพระพุทธเจ้า 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ223.นักขัตตานิ ปุรักขัตฺวา เทวา มันทะวะลาหะกา 
สักโก ปุรินทะโท เสฏโฐ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} เทพทั้งหลาย ผู้พึ่งพาอาศัยนักษัตร(ดวงดาว) 
วลาหกะเทพทั้งหลายผู้ยังให้บังเกิดลม 
ท้าวสักกะผู้เคยให้ทานมาก่อน ผู้ได้รับการยกย่อง 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ224.มะหันตา สะหะภู เทวา ชะละมัคคิสิขาริวะ 
อะริฏฐะกา จะ โรชา จะ อุมมาปุปผะนิภาสิโน
 
{แปล} สหภูเทพผู้ประเสริฐ ผู้รุ่งเรืองดุจเปลวไฟ 
(หรือชลมัคคิเทพ สิขาริจเทพ) 
อริฏฐะเทพ โรชะเทพ ผู้มีรัศมีเช่นกับดอกอุมมา คือ ดอกผักตบ
 
 
۩ﺴ225.วะรุณา สะหะธัมมา จะ อัจจุตา จะ อะเนชะกา 
สูเลยยะรุจิรา เทวา เทวา วาสะวะเนสิโน 
ทะเสเต ทะสะธา กายา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} วรุณะเทพ สหธัมมะเทพ อัจจุตะเทพ อเนชกะเทพ 
สูเลยยะเทพ รุจิราเทพ วาสวเนสีเทพ 
ขอเหล่าทวยเทพสิบจำพวกเหล่านี้ 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
 
۩ﺴ226.สะมานา มะหาสะมานา มานุสา มานุสุตตะมา 
ขิฑฑาปะโทสิกา เทวา เทวา มะโนปะโทสิกา
 
{แปล} สมานะเทพ มหาสมานะเทพ มานุสะเทพ 
มานุสุตตมะเทพ ขิฑฑาปโทสิกะเทพ มโนปโทสิกะเทพ
 
۩ﺴ227.อะถาปิ หะระโย เทวา เทวา โลหิตะวาสิโน 
ปาระคา มะหาปาระคา สัพเพ เทวา ยะสัสสิโน 
ทะเสเต ทะสะธา กายา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} อนึ่ง หริเทพ โลหิตวาสีเทพ ปารคะเทพ มหาปารคะเทพ 
เทพทั้งปวงล้วนมีบริวาร 
ขอเหล่าทวยเทพทั้งสิบจำพวกเหล่านี้ 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ228.สุกกา กะรัมภา อะรุณา อาคุง เวฆะนะสา สะหะ 
โอทาตะคัยหา ปาโมกขา อาคุง เทวา วิจักขะณา
 
{แปล} สุกกะเทพ กรัมภะเทพ อรุณะเทพ 
มาแล้วพร้อมกับเวฆนสะเทพ โอทาตคัยหะเทพผู้เป็นใหญ่ 
และวิจักขณะเทพก็มา
 
۩ﺴ229.สะทามัตตา หาระคะชา มิสสะกา จะ ยะสัสสิโน 
ถะนะยัง อาคะปัชชุนโน โย ทิสาสวะภิวัสสะติ
 
{แปล} สทามัตตะเทพ หาระคะชะเทพ มิสสะกะเทพ 
ผู้มีบริวารก็มา ปัชชุนะเทพ ผู้ทำให้ฝนตกทั่วทิศก็มา
 
۩ﺴ230.ทะเสเต ทะสะธา กายา สัพเพ นานัตตะวัณณิโน 
อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน 
โมทะมานา ชินะทานา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} เหล่าเทวดาสิบจำพวกเหล่านี้ทั้งปวง ล้วนมีรัศมีต่าง ๆ กัน 
มีฤทธิ์ มีความรุ่งเรือง มีวรรณะ มีบริวาร บันเทิงอยู่ ผู้ประทานชัยชนะ 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ231.โลกะธาตุสะหัสเสสุ ทะสะสเววะ สะมันตะโต 
เทวาทะโย ปาณะคะณา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ในหมื่นโลกธาตุโดยรอบนั่นเทียว ขอหมู่สัตว์มีเทวาเป็นต้น 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด.
 
۩ﺴ232.เขมิยา กัฏฐะกายา จะ โชตินามา มะหิทธิกา 
ลัมพีตะกา ลามะเสฏฐา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเขมิยะเทพ กัฏฐกายะเทพ โชติเทพ ผู้มีฤทธิ์มาก 
ลัมพีตกะเทพ ลามเสฏฐะเทพ 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ233.ชะลัฏฐา จะ ถะลัฏฐัญเญ เทวากาสัฏฐะกาทะโย 
ยักขะคันธัพพะกุมภัณฑา ปิสาจา เย มะโหระคา 
เมตตะจิตตา จะ สัพเพ เต โสตถิง ผาสุง กะโรนตุ โน
 
{แปล} เทพเหล่าอื่นอันมี เทพที่อยู่ในน้ำ 
เทพที่อยู่บนบก เทพที่อยู่ในอากาศเป็นต้น 
และยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ปีศาจ และนาคราชทั้งปวง 
ขอจงมีจิตเมตตา ประทานความสวัสดีและความผาสุก 
แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ234.ตาวติงสา จะ เย เทวา ยามา เทวา มะหิทธิกา 
ตุสิตา จะ มะหาเทวา นิมมานะระติโนมะรา
 
{แปล} ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามาผู้ทรงฤทธิ์ 
ทวยเทพชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี.
 
۩ﺴ235.วะสะวัตตีสุ ระติโน สัพเพ เทวา สะวาสะวา 
พุทธะปูชายะ นิระตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ทวยเทพชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี 
ขอทวยเทพทั้งปวงดังที่กล่าวมานี้ 
พร้อมทั้งท้าววาสวะ (พระอินทร์) 
ผู้มีความยินดี ในการบูชาพระพุทธเจ้า 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

( พรม )

۩ﺴ236.พฺรัหฺมาโน ปาริสัชชา จะ เย จะ พฺรัหฺมะปุโรหิตา 
มะหาพฺรัหฺมา จะ สัพเพ เต ปะฐะมัชฌานะสัณฐิโน
 
{แปล} พรหมผู้ดำรงอยู่ในปฐมฌานเหล่านี้คือ 
ปาริสัชชาพรหม ปุโรหิตาพรหม และ มหาพรหมาพรหม.
 
۩ﺴ237.เมตตาวิหาริโน สันตา สัมพุทธัสสะ ปะรายะนา 
กะโรนตุ โน มะหาโสตถิง เสกขาเสกขะปุถุชชะนา
 
{แปล} ขอพรหมทั้งปวงเหล่านั้น ผู้มีปกติอยู่ด้วยเมตตา ผู้สงบ 
ผู้มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ผู้เป็นทั้งเสกขะ พระอรหันต์ และปุถุชน 
จงประทานความสวัสดีอันประเสริฐ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ238.ปะริตตาภัปปะมาณาภา พฺรัหฺมา จาภัสสะรา ตะถา 
พุทธะปูชายะ นิระตา ทุติยัชฌานะสัณฐิโน
 
{แปล} พรหมผู้ดำรงอยู่ในทุติยฌาน 
ผู้ยินดีในการบูชาพระพุทธเจ้าเหล่านี้คือ 
ปริตตาภาพรหม อัปปมาณาภาพรหม และ อาภัสสราพรหม
 
۩ﺴ239.เมตตาการุณิกา สัพเพ สัพพะสัตตะหิเตสิโน 
กะโรนตุ โน มะหาสันติง โสตถิมาโรคฺยะมายุวัง
 
{แปล} ขอพรหมทั้งปวง ผู้มีปกติเมตตา กรุณา 
แสวงหาความเกื้อกูล ให้แก่สัตว์ทั้งปวง 
จงประทานความสงบอันประเสริฐ 
ความสวัสดี ความไม่มีโรค และความมีอายุ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ240.ปะริตตะสุภาพฺรัหฺมาโน อัปปะมาณะสุภา จะ เย 
สุภะกิณหา จะ พฺรัหฺมาโน ตะติยัชฌานะสัณฐิโน
 
{แปล} พรหมผู้ดำรงอยู่ในตติยฌาน เหล่านี้คือ 
ปริตตสุภาพรหม อัปปมาณสุภาพรหม และ สุภกิณหาพรหม
 
۩ﺴ241.ปะภายะ ผะระณา โลเก พุทธะฌานะระตา สะทา 
อะหิงสา สัพพะสัตเตสุ สะทา สันติง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอพรหมทั้งหลายเหล่านั้น 
ผู้แผ่รัศมีไปในโลก ผู้ยินดีในพุทธฌาน 
ผู้ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ทั้งปวง 
จงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ242.เวหัปผะลาปิ พฺรัหฺมาโน จะตุตถัชฌานะสัณฐิโน 
เสกขะปุถุชชะนาเสกขา สะทา สันติง กะโรนตุ โน
 
{แปล} พรหมผู้ดำรงอยู่ในจตุตถฌาน ผู้เป็นเสกขะ ปุถุชน 
และอเสกขะคือ เวหัปผลาพรหม 
ขอจงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ243.สัมปัตติยา นะ หายันติ พฺรัหฺมาโน ชินะสาวะกา 
อะวิหานามะกา สัพเพ สะทา สันติง กะโรนตุ โน
 
{แปล} พรหมทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า 
ย่อมไม่เสื่อมจากฌานสมาบัติ 
เพราะเหตุนั้นจึงได้ชื่อว่า อวิหาพรหม 
ขออวิหาพรหมทั้งปวงเหล่านั้น 
จงประทานความสงบ แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ244.อะตัปปา นามะ พฺรัหฺมาโน จะตุตถัชฌานะสัณฐิโน 
พฺรัหฺมะวิหาริกา สัพเพ โสตถิง ผาสุง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอ อตัปปาพรหม ทั้งปวง ผู้มีพรหมวิหาร ดำรงอยู่ในจตุตถฌาน 
จงประทานความสวัสดี และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ245.สุทัสสา นามะ พฺรัหฺมาโน ภิรูปา ฌานะโภคิโน 
อะปุนาคะมะนา กาเม สันติง ผาสุง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าพรหมชื่อว่า สุทัสสา 
ผู้มีรูปงาม ผู้เสวยฌาน ผู้ไม่กลับมาในกามภูมิอีก 
จงประทานความสงบ และความผาสุก แก่พวกข้าพเจ้าเถิด
 
۩ﺴ246.พฺรัหฺมะวิหาระสัมปันนา ชินะภัตติปะรายะนา 
พฺรัหฺมาโน สุทัสสี นามะ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าพรหมชื่อว่า สุทัสสี ผู้สมบูรณ์ด้วยพรหมวิหาร ผู้ 
มีความนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ247.อะกะนิฏฐา จะ พฺรัหฺมาโน เชฏฐา สัพพะคุเณหิ จะ 
ปะหีนะภะวะนิสเนหา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าพรหมผู้เจริญที่สุดด้วยคุณทั้งปวง 
ชื่อว่า อกนิฏฐา ผู้ละความสิเน่หาในภพได้แล้ว 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ248.ปะฐะมารูปะพฺรัหฺมาโน สัพพะรูปะวิราคิโน 
ชินะภัตติระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๑ ทั้งปวง 
ผู้ปราศจากความกำหนัดในรูป ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ249.ทุติยารูปะพฺรัหฺมาโน เหฏฐาฌานะวิราคิโน 
ชินะภัตติระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าอรูปพรหม ชั้นที่ ๒ ทั้งปวง 
ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต่ำ 
ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ250.ตะติยารูปะพฺรัหฺมาโน เหฏฐาฌานะวิราคิโน 
ชินะภัตติระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๓ ทั้งปวง 
ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต่ำ 
ยินดีในการภักดีพระชินเจ้า 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ251.จะตุตถารูปะพฺรัหฺมาโน เหฏฐาฌานะวิราคิโน 
ชินะภัตติระตา สัพเพ สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} ขอเหล่าอรูปพรหมชั้นที่ ๔ ทั้งปวง 
ผู้ปราศจากความพอใจในฌานเบื้องต่ำ 
ยินดีในการภักดีในพระชินเจ้า 
จงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

( บุคคลประเภทรวม )

۩ﺴ252.เวเทเหปะระโคยาเน ชัมพูทีเป กุรุมหิ จะ 
เทวะยักขะปิสาเจหิ สัทธิง วิชชาธะราทะโย
 
{แปล} ขอเหล่าวิทยาธร กับเทวดา ยักษ์ และปีศาจ ในวิเทหะทวีป 
อปรโคยานะทวีป ชมพูทวีป และอุตตรกุรุทวีป
 
۩ﺴ253.อากาสัฏฐา จะ พฺรัหฺมาโน ชะลัฏฐา จันตะลิกขะชา 
ทวิปะทาทะโย เย สัตตา สะทา โสตถิง กะโรนตุ โน
 
{แปล} อากาสัฏฐเทวดา และพรหม สัตว์ทั้งหลายมีสัตว์ ๒ เท้า เป็นต้น 
ผู้ดำรงอยู่ในน้ำ ผู้เกิดในอากาศ 
ขอจงประทานความสวัสดี แก่พวกข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเถิด

( อานุภาพแห่งพระรัตนตรัย )

۩ﺴ254.มาระเสนะวิฆาตัสสะ ชินัสสะ สุขะฌายิโน 
เตโชพะเลนะ มะหะตา สะทา มังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ของพระชินเจ้า 
ผู้ทรงขจัดมาร และเสนามาร 
ผู้เสวยสุขในฌาน ด้วยพลังเดชอันยิ่งใหญ่ 
ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ255.นานาคุณะวิจิตตัสสะ รูปะกายัสสะ สัตถุโน 
สัพพะเทวะมะนุสสานัง มาระพันธะวิโมจิโน 
เมตตาพะเลนะ มะหะตา สะทา มังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ 
ของพระศาสดาผู้ทรงมีพระวรกายอันงามวิจิตรด้วยคุณต่าง ๆ 
ผู้ทรงปลดเปลื้องเหล่าทวยเทพ และมนุษย์ทั้งปวง 
ให้หลุดพ้นจากบ่วงแห่งมาร 
ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ256.สัพพัญญุตาทิกายัสสะ ธัมมะกายัสสะ สัตถุโน 
จักขาทยะโคจะรัสสาปิ โคจะรัสเสวะ ภูริยา 
เตโชพะเลนะ มะหะตา สัพพะมังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ แห่งพระธรรมกาย 
คือ หมู่ธรรม มีพระสัพพัญญุตญาณเป็นต้น 
ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 
อันไม่ใช่อารมณ์ของจักษุเป็นต้น 
แต่เป็นอารมณ์ของปัญญาเท่านั้น 
ขอสรรพมงคล จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
 
۩ﺴ257.รูปะกายะสะทิสัสสะ นิมมิตัสสะ มะเหสิโน 
ธัมมัสสะ วัตตุโน สัคเค เทวานัง สุคะตา ปะติ 
เตโชพะเลนะ มะหะตา สะทา มังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธปฏิมาที่ทรงเนรมิตขึ้น 
ให้เหมือนรูปจริง แทนพระพุทธองค์ 
ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ 
เมื่อทรงแสดงอภิธรรมแก่เหล่าทวยเทพในชั้นดาวดึงส์ 
ขอมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด
 
۩ﺴ258.สิกขิตฺวา มานุเส เทเว โมจะยิตฺวา สะเทวะเก 
สังขาเร ปะชะหันตัสสะ นิพพุตัสสะ มะเหสิโน 
มะหันเตนานุภาเวนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยพระอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า 
ผู้ทรงฝึกเหล่ามนุษย์และเทวดา ให้หลุดพ้นจากบ่วงมาร 
ผู้ทรงละสังขารดับขันธ์ปรินิพพาน 
ขอสรรพมงคล จงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
 
۩ﺴ259.จะตุราสีติสะหัสสะ- ธัมมักขันธัสสะ เตชะสา 
นะวังคะสาสะนัสสาปิ นะวะโลกุตตะรัสสะ จะ 
สัพพะปาปะปะวาเหนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยพระเดชานุภาพของพระธรรม แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ 
ด้วยพระเดชานุภาพแห่งนวังคสัตถุศาสน์ 
และด้วยพระเดชานุภาพแห่งนวโลกุตตรธรรม 
อันนำบาปทั้งปวงออกไป 
ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพระองค์เถิด
 
۩ﺴ260.มะหะโตริยะสังฆัสสะ ปุญญักเขตตัสสะ ตาทิโน 
ปะหีนะสัพพะปาปัสสะ สีลาทิกขันธะธาริโน 
มะหาเตชานุภาเวนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ของพระอริยสงฆ์ผู้ประเสริฐ 
ผู้เป็นเนื้อนาบุญ ผู้ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม 
ผู้ละบาปทั้งปวง ผู้ทรงไว้ซึ่งคุณมีศีลเป็นต้น 
ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด

( อานุภาพของเทวดาต่าง ๆ )
۩ﺴ261.ปาตาเล ภูตะลากาเส เทวะยักขะปิสาจะกา 

วิชชาธะรา จะ คันธัพพา นาคะกุมภัณฑะรักขะสา 
สัพเพสะมานุภาเวนะ สัพพะมังคะละมัตถุ โน
 
{แปล} ด้วยอานุภาพแห่งหมู่เทวดา ยักษ์ ปีศาจ และวิทยาธร 
คนธรรพ์ นาค กุมภัณฑ์ และรากษส 
ผู้อาศัยอยู่ในบาดาลก็ดี บนพื้นดินก็ดี ในอากาศก็ดี 
ขอสรรพมงคลจงมีแก่พวกข้าพเจ้าเถิด

(อานุภาพของอุปปาตะสันติ)

۩ﺴ262.อิจเจวะมุปปาตะสันติง โย วะเทยยะ สุเณยยะ วา 
วิเชยยะ สัพพะปาปานิ วุทธัตตัญจะ ภะวิสสะติ
 
{แปล} ผู้ใดสวด หรือฟังคัมภีร์ อุปปาตะสันติ 
อันกล่าวแล้วด้วยประการฉะนี้ 
จะพึงชนะบาปทั้งปวง และจักเจริญด้วยคุณ ๕ ประการ 
คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
 
۩ﺴ263.โสตถิกาโม ละเภ โสตถิง สุขะกาโม สุขัง ละเภ 
อายุกาโม ละเภยยายุง ปุตตะกาโม ละเภ ปุตเต
 
{แปล} ผู้ใดปรารถนาความสวัสดี พึงได้ความสวัสดี 
ผู้ปรารถนาความสุข พึงได้ความสุข 
ผู้ปรารถนาอายุ พึงได้อายุ ผู้ประสงค์บุตร พึงได้บุตร
 
۩ﺴ264.นะ ตัสสะ โรคา พาเธนติ วาตะปิตตาทิสัมภะวา 
อะกาละมะระณัง นัตถิ นะ เทโว วิสะโมสะเร
 
{แปล} โรคที่เกิดจากลม จากดีเป็นต้น ย่อมไม่เบียดเบียนบุคคลนั้น 
ความตายในกาลอันไม่สมควร ย่อมไม่มีแก่บุคคลนั้น 
มิจฉาเทวดาย่อมไม่รังแกต่าง ๆ นา ๆ
 
۩ﺴ265.นะ จุปปาตะภะยัง ตัสสะ โนปิ ปัตตะภะยัง ตะถา 
นัสสันติ ทุนนิมิตตานิ ปาปะกัมมัฏฐิตานิ จะ 
ทีฆะมายุ มะหาโสตถิง อาโรคฺยัญจะ สะทา ภะเว
 
{แปล} เคราะห์ร้ายและภัยย่อมไม่มีแก่เขา 
นิมิตร้ายและสิ่งที่ตั้งขึ้นเพราะบาปกรรมย่อมพินาศไป 
ความมีอายุยืน ความสวัสดี อันประเสริฐ 
และความไม่มีโรคจะพึงมีแก่เขา ในกาลทุกเมื่อ
 
۩ﺴ266.โย สุตฺวาปิ มะหาสันติง สังคามัง ปะวิเส นะโร 
วิชะเย เวริโน สัพเพ นะ สัตเถหยะภิภูยะเต
 
{แปล} ผู้ใดฟังคัมภีร์อุปปาตะสันติอันประเสริฐแล้ว 
พึงเข้าไปสู่สมรภูมิ 
บุคคลนั้นอันศาสตราไม่กล้ำกราย ย่อมชนะข้าศึกทั้งมวล
 
۩ﺴ267.สัพพะทา ละภะเต ปีติง วิปัตติง นาวะคาหะติ 
โรเคหิ นาภิภูยะเต สะวัตถูหิ วิวัฑฒะเต
 
{แปล} เขาย่อมได้ซึ่งความอิ่มใจในกาลทุกเมื่อ 
ความวิบัติ ย่อมไม่มากล้ำกราย ย่อมไร้โรคา 
ย่อมเจริญด้วยทรัพย์ศฤงคาร
 
۩ﺴ268.ยัตฺระ เทเส วะโกวะกา พาฬหะกา รักขะสาทะโย 
อุปปาตะสันติโฆเสนะ สัพเพ ตัตถะ สะมันติ เต
 
{แปล} สัตว์ร้ายน้อยใหญ่ และรากษสเป็นต้น 
ผู้อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรทั้งหลายทั้งปวง 
ย่อมสงบด้วยเสียงแห่งการสวดคาถาอุปปาตะสันติ
 
۩ﺴ269.ยะมุททิสสะ วะเท สันติง สะชีวัญจาปยะชีวิตัง 
โส มุจจะเต มะหาทุกขา ปัปโปติ สุคะติง สะทา
 
{แปล} บุคคลสวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ 
อุทิศให้ผู้ใดที่มีชีวิตอยู่หรือไม่มีชีวิตอยู่ 
บุคคลนั้นย่อมพ้นจากมหันตทุกข์ 
ย่อมเข้าถึงสุคติภพ ในกาลทุกเมื่อ
 
۩ﺴ270.เทวัฏฐาเน นะคะเร วา นิจจะมุปปาตะสันติยา 
ปาละกา เทวะราชาโน เตชะสิรีวิวัฑฒะนา
 
{แปล} ท้าวเทวราชทั้งหลายผู้ปกปักรักษาเนืองนิจ 
ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ หรือในพระนคร 
เป็นผู้เจริญด้วยเดชและสิริมงคลด้วยคัมภีร์อุปปาตะสันตินี้
 
۩ﺴ271.ปะฐัพฺยาปาทิสัญชาตา อุปปาตา จันตะลิกขะชา 
อินทาทิชะนิตุปปาตา ปาปะกัมมะสะมุฏฐิตา 
สัพพุปปาตา วินัสสันติ เตชะสุปปาตะสันติยาติ
 
{แปล} เหตุร้ายอันเกิดจากแผ่นดินไหวและน้ำท่วมเป็นต้น 
เหตุร้ายที่เกิดจากฟากฟ้า เหตุร้ายอันเกิดจากจันทรุปราคาเป็นต้น
เหตุร้ายที่เกิดจากบาปกรรม เหตุร้ายทั้งปวงเหล่านั้นจักพินาศไป
ด้วยเดชแห่งอุปปาตะสันติ
 
อุปปาตะสันติ นิฏฐิตา 
จบอุปปาตะสันติ 
มนต์สำหรับระงับเหตุร้ายทั้งปวง
 
﹋﹌﹋﹌﹋﹌﹋﹌﹋﹌
สัพเพชะนา สุขิตา โหนตุ
พุทธัง อะนันตัง ธัมมัง จักกะวาลัง
สังฆัง นิพพานัง ปัจจะโย โหนตุ

ติดต่อบูชา

LINE : @namotasa